พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมแถลงผลการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ครั้งที่ 3 โดยผู้นำทั้งสองประเทศร่วมลงนามเป็นสักขีพยานเอกสาร 2 ฉบับ ประกอบด้วย 1.แถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 3 ภายใต้หุ้นส่วนสันติภาพและการพัฒนา และ 2.ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนไทย-กัมพูชา ที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับภาคเอกชนทั้งสองฝ่าย และส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า ผลลัพธ์ของการหารือในครั้งนี้เป็นเหมือนเข็มทิศชี้ทางเดินร่วมกันของไทยและกัมพูชา โดยทางด้านเศรษฐกิจได้เน้นเรื่องการเชื่อมโยงเส้นทางถึงทั้งสองประเทศ ซึ่งต้องขยายการดำเนินการทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ และทั้งสองฝ่ายตกลงเปิดด่านถาวร 4 แห่ง เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก และกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้มากขึ้น
ส่วนการเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน ฝ่ายไทยตกลงที่จะรับซื้อสินค้าเกษตรกรรมมากขึ้น เนื่องจากมูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศที่ผ่านมา กัมพูชานำเข้าสินค้าไทยมากเป็น 5 เท่าของสินค้าที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชา
ขณะที่การแก้ปัญหายาเสพติดกับการค้ามนุษย์เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หยิบยกมาหารือกัน โดยเราอยากให้คนงานของกัมพูชาเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ถูกหลอกให้เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องยาเสพติด ไทยได้ตกลงช่วยเหลือในการบำบัดผู้ที่ติดยาเสพติด และกัมพูชาคิดว่าจะจัดตั้งหมู่บ้านสีขาว เป็นหมู่บ้านปลอดยาเสพติดอีกด้วย
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้กลับมาเยือนกัมพูชาอีกครั้งตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขอขอบคุณการต้อนรับด้วยมิตรไมตรีและอบอุ่น ไม่ต่างจากการมาเยือนครั้งล่าสุดเมื่อปี 2557 โดยการหารือร่วมกันวันนี้สิ่งที่อยากจะย้ำให้ตรงกับประเด็นที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้กล่าวไปคือ การรับซื้อสินค้าทางการเกษตร ไทยยินดีที่จะช่วยเหลือดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องพิจารณาการปรับปรุง พัฒนา คุณภาพสินค้าการเกษตร เพื่อเป็นการค้าขายร่วมกัน และส่งออกไปค้าขายต่างประเทศอีกด้วย
สำหรับการแก้ปัญหายาเสพติด ค้ามนุษย์ และแรงงานประมง ตกลงจะร่วมมือกันมากยิ่งขึ้นในทุกประเด็น โดยเฉพาะแรงงานประมง เห็นตรงกันว่าจะคัดแยก และส่งแรงงานเหล่านี้ไปตามช่องทางที่มีอยู่ เพื่อให้รัฐบาลสามารถดูแลบุคคลเหล่านี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องยาเสพติดยินดีที่จะร่วมมือจัดตั้งศูนย์การแก้ปัญหายาเสพติด และให้ร่วมมือกันทั้งสามขั้นตอน ตั้งแต่ป้องกัน ปราบปราม และฟื้นฟู ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน
เรื่องความเชื่อมโยงด้านคมนาคม ทั้งสองประเทศตกลงกันว่าจะหาหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ให้รถไฟเชื่อมต่อไปถึงกรุงพนมเปญให้ได้โดยเร็ว และถือเป็นเส้นทางสายรถไฟสายประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเส้นแรก
สำหรับเป้าหมายทางการค้าที่ตั้งเป้าไว้ร่วมกันที่ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 โดยมอบหมายให้หามาตรการเพิ่มเติม นอกจากการค้าขายระหว่างประเทศ และส่งเสริมการค้าชายแดน ต้องอาศัยศักยภาพที่มีอยู่ทั้งสองประเทศ หาทางเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้ได้มากขึ้น คาดว่าจะทำให้เสร็จโดยเร็ว ก่อนที่ พ.ร.บ.ศุลกากรฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 13 พ.ย.60
ส่วนการลงนามเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ ต้องนำไปสู่การปฏิบัติด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และยั่งยืน นอกจากนั้นพร้อมจะจัดทำแผนเตือนภัยพิบัติร่วมกัน เพื่อป้องกันตามแนวชายแดน และทั้งสองประเทศจะก้าวไปพร้อมกัน เข้มแข็งอย่างยั่งยืน มีนโยบายทำงานร่วมกัน ไทยแลนด์ หรือ กัมพูชา+1 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภูมิภาคและอนุภูมิภาค