พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาเรื่อง "สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน"ว่า รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสนใจในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งองค์กรต่างประเทศจับตาดูอยู่
ทั้งนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โดยประยุกต์แบบแผนของตะวันตกกับแผนเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาทั้งทรัพยากรมนุษย์และเครื่องจักรไปพร้อมๆ กัน
สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องคำนึงถึงสิทธิและหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในรูปแบบของประชารัฐ โดยอาศัยกระบวนการทางกฎหมายให้ทุกคนเข้าถึง ไม่ใช่คนรวยไม่ติดคุก เพราะตนไม่สามารถบอกให้นิรโทษกรรมทุกคนได้เพื่อสร้างความปรองดอง กฎหมายไม่ได้มีไว้เล่นงานคนดี กฎหมายไม่ได้มีไว้กลั่นแกล้งใคร แต่มีไว้เพื่อปกป้องคนดี
"ทุกวันนี้มีการตัดสินบนสังคมออนไลน์จนเกิดความสับสนวุ่นวายไปหมด ซึ่งเป็นการสร้างความรู้ที่ผิดๆ รัฐบาลทำไปตามขั้นตอนกฎหมายนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ซึ่งถือว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า การดำเนินงานต้องทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมให้ได้ ตราบใดที่ทุกวันนี้ยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนแสดงว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ และเราไม่สามารถที่จะอยู่คนเดียวในโลกนี้ได้ต่อไปอีกแล้ว เพราะโลกมีความเชื่อมโยงกัน
"อย่าไปมองแค่วันนี้ว่าทำไมต่างประเทศถึงดีกว่าเรา ต้องย้อนกลับไปมองในอดีตว่าเขาทำอย่างไรถึงมีวันนี้...อย่ามองมุมเดียว ทำอย่างไรให้ดีขึ้น ไม่ใช่ได้อย่างเสียอย่าง หรือได้อย่างเสียสองอย่าง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องใช้วิกฤตตรงนี้ให้เป็นโอกาสในการปฏิรูปประเทศให้พัฒนาไปในช่วงเวลาที่สั้นที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ โดยผู้รับผิดชอบต้องแยกแยะปัญหาให้ออกเพื่อแก้ไขให้หมดไป เพราะคนยิ่งเยอะปัญหาก็จะมีเข้ามาเรื่อยๆ
"ผมรับฟังความเห็น ไม่ใช่โลเล แต่การรีบตัดสินใจแก้ปัญหาก็เพื่อลดแรงกดดัน แต่เมื่อมีข้อเสนอที่ดีกว่าก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมได้ แต่ผมไม่สามารถจะไปประนีประนอมในเรื่องทำผิดกฎหมายได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีมีผู้เสนอให้รัฐบาลไปซื้อหุ้น บมจ.ปตท. (PTT) คืนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่รัฐบาลได้ดำเนินการออก พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ เพื่อดูแลการบริหารงานให้เกิดความโปร่งใส และอย่าไปคิดว่าตนไม่สามารถไปควบคุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพราะเป็นข้าราชการทหาร แม้ที่ผ่านมาฝ่ายบริหารแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติได้มากกว่ายุคนี้อีก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องใช้สิทธิมนุษยชนมาพัฒนาประเทศ รัฐบาลไม่สามารถละทิ้งประชาชนคนใดได้เลย เช่นเดียวกับแนวทางการพัฒนาภูมิภาคอาเซียนที่ต้องเดินไปพร้อมกัน