นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีสอบสวน 3 ปฏิเสธยื้อคดีทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร เพื่อช่วยเหลือนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้ดำเนินการอย่างรอบคอบตามขั้นตอนของกฎหมาย และพยายามเร่งรัดให้สำนวนมีความสมบูรณ์เพื่อสั่งคดีก่อนหมดอายุความในปี 61
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายพานทองแท้ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยส่งหลักฐานการยึดและอายัดเงินฝากจำนวน 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท ในบัญชีเงินของนายพานทองแท้ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานมาให้ดำเนินการสอบสวนตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.59 ซึ่ง DSI ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่อยมา จนกระทั่งเดือน มิ.ย.60 DSI ได้ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งพนักงานอัยการเข้าร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนในคดีนี้ด้วย ซึ่งตนเองได้ดำเนินการตรวจสอบจากพยานเอกสารหลักฐานที่มีอยู่เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง และเรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตลอดช่วงเวลา 4 เดือนที่เข้ามารับผิดชอบ ส่วนความผิดของนายพานทองแท้ฐานรับของโจรในคดีดังกล่าวได้ขาดอายุความไปก่อนหน้านี้
"ถ้าสอบสวนสมบูรณ์แล้วก็ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ถ้าพบว่าทำผิดฐานใดก็ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อให้สิทธิ์ในการแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งพยายามเร่งรัดทุกขั้นตอน เพราะคดีนี้ขาดอายุความปี 61" นายขจรศักดิ์ กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์
นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเวลากระชั้นเข้ามาก็ต้องเร่งดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะนี้ได้ดำเนินตรวจสอบพยานเอกสารเสร็จแล้ว เหลือการสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมเพื่อให้สำนวนมีความสมบูรณ์ และต้องให้เวลาผู้ถูกกล่าวหาในการชี้แจง รวมทั้งให้เวลาอัยการพิจารณาสั่งคดี โดยคณะพนักงานสอบสวนจะมีการประชุมร่วมกันในวันที่ 18 ก.ย.นี้ได้ข้อสรุปก็คาดว่าจะสามารถออกหมายเรียกนายพานทองแท้ได้
"คิดว่าถ้าประชุมก็จบครับ เพราะหลักฐานครบแล้วก็ต้องดำเนินการในขั้นตอนต่อไป" นายขจรศักดิ์ กล่าว