นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า ในการประชุม สนช.วันที่ 19 ต.ค.นี้ จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ในวาระ 2 และ 3 โดยร่างกฎหมายฉบับนี้มีทั้งหมด 114 มาตรา มีผู้สงวนคำแปรญัตติ 22 มาตรา 28 ประเด็น
สำหรับผู้ที่สงวนคำแปรญัตติแบ่งเป็น 3 ฝ่าย คือ 1.คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) 2.กมธ.ที่มาจากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และ 3.ผู้แปรญัตติของ สนช. โดย กรธ.ยืนยันทุกประเด็นในร่างที่เสนอในชั้นรับหลักการ ซึ่งในการพิจารณามีความเห็นแตกต่างกันจนมีการลงมติในหลายมาตรา มี กมธ.ทั้งเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย โดยเฉพาะในมาตรา 7 วรรคท้าย เกี่ยวกับอำนาจผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.)
อย่างไรก็ตาม กมธ.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ และเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเขียนไว้ เพราะเป็นการใช้อำนาจเกินอำนาจของผู้ว่าการ สตง. อีกทั้งกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ก็มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้วเช่นเดียวกับองค์กรอิสระอื่น ทั้งนี้ความเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องความคิดเห็นไม่มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง
ส่วนกรณีจะมีการตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายในร่างกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับ กรธ.ว่ามีประเด็นใดที่ยังเห็นว่าเป็นความขัดหรือแย้งและจะทำหนังสือทักท้วงมาขอให้ สนช.ได้ตั้ง กมธ.ร่วมเพื่อทบทวนในประเด็นใดบ้าง