ศาลฎีกา มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมด้วย น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดของเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยกำหนดวงเงินประกันคนละ 5 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยให้จำเลยทั้ง 5 คนนำหนังสือเดินทางมามอบให้ศาลชั้นต้น และให้ศาลแจ้งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ
อนึ่งวานนี้ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในคดีที่จำเลยทั้ง 5 คน ช่วยเหลือไม่ให้นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควรโดยชอบด้วยกฎหมาย จากการที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น เมื่อปี 2549 คนละ 164,600,000 หุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท การกระทำดังกล่าวส่งผลให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และส่วนราชการได้รับความเสียหาย
โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 3 ปีจำเลยที่ 1-4 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 83 ส่วนจำเลยที่ 5 ผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 86 มีโทษ 2 ใน 3 ให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา