นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีมีภาพตนเองเดินทางไปประเทศจีนกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และนายกรพจน์ อัศวินวิจิตร อดีตรัฐมนตรีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นการเดินทางต่างประเทศตามปกติเท่านั้น อีกทั้งนายปรีชาก็ไม่ได้สนใจการเมืองแล้ว การเดินทางไปประเทศจีนดังกล่าวจึงไม่ได้มีนัยยะทางการเมือง
พร้อมปฏิเสธว่าไม่เคยได้รับมอบหมายจากรัฐบาลหรือฝ่ายใดให้ทำหน้าที่ประสานงานกับอดีตนักการเมืองเพื่อไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลตามที่เป็นข่าว เพราะตนเองไม่ได้มีศักยภาพที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
"รัฐบาลจะดำเนินการปรับคณะรัฐมนตรีอย่างไรก็เป็นเรื่องของรัฐบาล คงจะไปให้คำปรึกษาหรือประสานงานได้" นายมีชัย กล่าว
ส่วนกรณีที่คนในรัฐบาลจะตั้งพรรคการเมืองนั้น นายมีชัย กล่าวว่า ต้องแยกกันระหว่างการลงสมัคร ส.ส.กับการตั้งพรรคการเมือง โดยการลงสมัคร ส.ส.มีบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กำหนดชัดเจนว่าหากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะลงสมัคร ส.ส.ได้ก็ต่อเมื่อพ้นจากตำแหน่งเป็นเวลา 90 วันนับแต่วันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ซึ่งปัจจุบันได้พ้นระยะเวลาดังกล่าวออกมาแล้ว จึงเท่ากับว่าไม่สามารถลงสมัคร ส.ส.ได้
ส่วนการตั้งพรรคการเมืองและเป็นการสมาชิกพรรคการเมืองเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่กฎหมายรองรับเอาไว้ ซึ่งสามารถดำเนินการดังกล่าวได้ ขณะที่ กรธ.ต้องห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 2 ปีอยู่แล้ว
นายมีชัย กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ว่า กรธ.ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว แต่กำลังคิดว่าอาจจะรอให้การจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เสร็จก่อน แล้วจึงส่งร่างกฎหมายทั้งสองฉบับไปให้ สนช.พร้อมกันในวันที่ 28 พ.ย.60 เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณาในชั้นสภานิติบัญญัติ เพราะร่างกฎหมายทั้งสองฉบับมีเนื้อหาบางส่วนที่เชื่อมโยงกัน นอกจากนี้คิดว่าหากมีความจำเป็นก็อาจต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญหนึ่งคณะเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายทั้งสองฉบับไปในคราวเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดการลักลั่นในการพิจารณาเนื้อหาในร่างกฎหมาย