พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการจัดลำดับสถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ประจำปี 2559 ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา โดยในปีนี้ไทยได้รับการเลื่อนลำดับจากประเทศที่มีความสำเร็จปานกลาง เป็นประเทศที่มีความสำเร็จมาก ซึ่งถือว่าเป็นลำดับสูงสุด ทำให้ไทยมีความน่าเชื่อถือในระดับสากลมากขึ้น และถือเป็นการสร้างโอกาสในการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ส่งผลเศรษฐกิจขยายตัว
ส่วนความคืบหน้าการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ที่ไทยได้ถูกจัดอันดับเป็นเทียร์ 2 หรือประเทศที่ต้องจับตา เป็นปีที่สองติดต่อกันนั้น รัฐบาลพยายามดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการคัดแยกผู้เสียหายตั้งแต่ศูนย์แรกรับ การช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในต่างประเทศ รวมถึงการขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายในระดับสากล ตามอนุสัญญาการค้ามนุษย์ ซึ่งทางผู้แทนจากสหภาพยุโรปจะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อตรวจการดำเนินการแก้ปัญหาใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย การตรวจสอบย้อนกลับเรื่องการขนส่งสัตว์น้ำที่จังหวัดตราด, ข้อมูลเรือประมงที่ถูกถอนทะเบียน ซึ่งภาครัฐได้ดำเนินการควบคุมเรือไว้ทั้งหมดเพื่อรอการตรวจสอบ , และผลการติดตามการบังคับใช้กฎหมาย กรณีเรือประมงที่ออกไปนอกน่านน้ำ ซึ่งเป็นการตรวจสอบเรือประมงที่ผิดกฎหมายในทะเล
สำหรับความคืบหน้าการแก้ปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การประมงที่ขาดการรายงาน และการประมงที่ขาดการควบคุม หรือ IUU ซึ่งรัฐบาลได้พยายามเร่งรัดดำเนินการแก้ปัญหามาโดยตลอด ซึ่งไทยจะทำการประชุมเพื่อจัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา (TIP Report) ประจำปี 2560 ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ก่อนปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยครั้งสุดท้ายในเดือนธ.ค.60 เพื่อจัดส่งให้ประเทศสหรัฐอเมริกาพิจารณาภายในวันที่ 31 ม.ค. 61
นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลต่อไป ซึ่งนอกจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ให้ทบทวนต่อยอดเป็นยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาระยะยาว เพื่อเป็นการยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลสิทธิแรงงาน ทั้งไทยและต่างประเทศอย่างเท่าเทียม พร้อมกำชับให้การใช้กฎหมายเป็นไปอย่างเคร่งครัด ไม่ให้เกิดการทุจริต
ด้านพ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่ององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ภายหลังได้ทำการปลดธงแดงออกจากประเทศไทย โดยล่าสุดได้ออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่อีก 13 สายการบิน คงเหลืออีก 9 สายการบินที่อยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องสถานีหลัก การตรวจสอบภาคอากาศ และเอกสารหลักฐาน โดยพล.อ.ประวิตร กำชับว่า ให้ไทยดำรงมาตรฐานสายการบินเช่นนี้ต่อไป เพื่อผลักดันให้ไทยเข้าสู่แนวหน้าในเรื่องการบินต่อไป