พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร (ครม.สัญจร.)ว่า รัฐบาลยืนยันให้ความสำคัญกับพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด และที่ได้แยกออกมาเป็นภูมิภาคพิเศษ คือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เพื่อให้สามารถเร่งรัดการพัฒนาให้รวดเร็วมากขึ้น และเพื่อต้องการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศในภาพรวม
ทั้งนี้ ในพื้นที่ภาคใต้ ถือว่ามีศักยภาพสูง เพราะมีทั้งภาคการเกษตร การประมง การท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีวัฒนธรรมที่หลากหลายในลักษณะสังคมพหุภาคีที่ทุกคนอยู่ร่วมกันบนความแตกต่าง ซึ่งรัฐบาลจะเร่งรัดโครงการพัฒนาการเชื่อมโยงทางกายภาพในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งทางถนน ท่าอากาศยาน ท่าเรือ ระบบราง เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการการแลกเปลี่ยนสินค้าและการขนส่ง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะเร่งผลักดันการใช้งบประมาณทั้งจากส่วนกลาง และจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) สร้างประโยชน์ให้ถึงมือประชาชนให้มากที่สุด
ส่วนการแก้ปัญหาราคายางและปาล์มน้ำมัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จำเป็นต้องดูที่ปริมาณการผลิต ซึ่งปัญหาหนึ่ง คือ การบุกรุกพื้นที่ป่า จึงได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการกับกลุ่มนายทุนที่บุกรุกพื้นที่ ส่วนการใช้พื้นที่สวนป่าของประชาชน ให้งดกรีดยาง สำหรับพื้นที่ที่ประชาชนบุกรุกเป็นเวลานานให้หาแนวทางในการดูแล ซึ่งจะใช้กลไกของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
และสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาราคายางพารา คือต้องเร่งเพิ่มปริมาณการใช้ยางภายในประเทศ โดยภายในสิ้นปีนี้ จะเร่งรัดทุกหน่วยงานใช้ยางพาราภายในประเทศให้ได้ 2 แสนตัน โดยจะแบ่งเป็นการใช้น้ำยางข้น เพื่อปูพื้นสระน้ำและอุดรอยรั่ว ที่มีอยู่หลายพันแห่งทั่วประเทศ และแนวทางการนำผลผลิตยางไปสู่การผลิต ส่งให้หน่วยงานรัฐที่มีความต้องการใช้สินค้าที่ผลิตจากยางพารา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ขอให้เกษตรชาวสวนยางเข้าใจว่าราคายางขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ราคาน้ำมัน สต็อคยางต่างประเทศ รวมถึงพื้นที่เพาะปลูกที่มีเพิ่มขึ้นในแต่ละประเทศ ซึ่งส่งผลต่อราคาทั้งสิ้น ซึ่งเกษตรสวนยางจึงต้องปรับตัว โดยหันไปปลูกพืชเสริม โดยเฉพาะมะพร้าวที่ยังมีความขาดแคลน และมีแนวโน้มนำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าวของไทยมีปัญหา เพราะมีสวนมะพร้าวบางพื้นที่ไม่มีการดูแล ทำให้เป็นที่เพาะหนอนหัวดำ ทำความเสียหายจนต้องหามาตรการมาดูแลเรื่องนี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เข้าใจถึงปัญหาการประมงที่เป็นหัวใจของภาคใต้ ซึ่งรัฐบาลพยายามที่จะแก้ปัญหาทั้งหมด เพื่อลดความเสี่ยง ทั้งในแง่ของกฎหมาย และเป็นไปตามหลักสากล เช่น IUU
แต่เหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่มีชาวประมง จ.ปัตตานี เข้าร้องเรียนนั้น จำเป็นต้องใช้เสียงดังเล็กน้อย เพราะการพูดจาต้องให้เกียรติกัน ทุกอย่างต้องพูดคุยกันไม่ใช่มาใช้วาจารุนแรงใส่ และการขอให้แก้ปัญหาก็จะต้องมองให้สอดคล้องกับต่างประเทศ เพราะหากไม่ปฎิบัติตามอนาคตก็จะมีปัญหาต่อตลาดการส่งออกสินค้าประมง โดยเฉพาะกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา อีกทั้งจำเป็นต้องมีช่วงเวลาให้มีการพักชะลอการจับสัตว์น้ำ การดูแลทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อที่จะสามารถทำอาชีพประมงได้ยั่งยืน