นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ว่า ในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.) ทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ได้ดำเนินการใช้กองกำลังสลายการเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาโดยสุจริตเมื่อวันที่ 27 พ.ย.60 ที่ผ่านมา จนทำให้ชาวบ้านหลายคนได้รับบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งการจับกุมชาวบ้านและเด็กไปจำนวน 16 คนแล้ว
การจับกุม กักขังชาวบ้านดังกล่าวเพื่อดำเนินการสอบสวน และนำตัวไปยังศาลจังหวัดเพื่อฝากขัง โดยภาพข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อสารมวลชนและโซเชียลมีเดียนั้น ตำรวจได้ใช้โซ่ตรวนขนาดใหญ่ล่ามข้อมือชาวบ้านผู้ต้องหาจากโรงพักขึ้นรถพาไปศาลถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ดังนี้
1.การล่ามโซ่ผู้ถูกกล่าวหาที่ยังไม่ได้เป็นนักโทษแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านดังกล่าวมิได้มีพฤติการณ์หลบหนีแต่อย่างใดนั้น เป็นการละเมิดต่อสิทธิหรือเสรีภาพในชีวิตหรือร่างกายและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันมีลักษณะเป็นการทรมาน ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 4 มาตรา 28 วรรคสาม มาตรา 29 วรรคสอง และอาจเป็นการทำให้เสียหายต่อร่างกายขัดต่อมาตรา 420 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อีกทั้งการล่ามโซ่ดังกล่าวขัดต่อปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ข้อ 1, 5 กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิผลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 7, 10(1) ซึ่งมีผลใช้บังคับในประเทศไทย และศาลปกครองเคยนำมาใช้ประกอบการพิจารณาถึงความไม่เหมาะสมของการใช้เครื่องพันธนาการดังกล่าวแล้ว (คดีหมายเลขแดงที่ 1438/2552) รวมทั้งการให้สัมภาษณ์ในลักษณะดูหมิ่นเหยียดหยามชาวบ้านของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย
2.การที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนด โดยอาศัยพรบ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 โดยห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถานในเวลาที่กำหนด ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะในเขตพื้นที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และอ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา และอ.สะบ้าย้อย จ.สงขลาเป็นเวลา 1 ปีนั้น เป็นการใช้อำนาจที่เกินกว่าเหตุ ละเมิดสิทธิมนุษยชนและขัดต่อรัฐธรรมนูญหลายมาตรา