สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (UNOHCHR) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหาผู้ชุมนุมทุกรายที่ถูกจับกุมขณะเดินประท้วงอย่างสันติต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินขนาด 2,200 เมกะวัตต์ที่จังหวัดสงขลา
"การประท้วงอย่างสันติเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของสังคมประชาธิปไตยเพื่อก่อให้เกิดสำนึกรับผิดชอบและการมีส่วนร่วมของสาธารณชน... เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยรับประกันสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติและสิทธิในการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งขอให้คุ้มครองความปลอดภัยและเกียรติของสมาชิกชุมชนตลอดจนผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน ในวิถีที่สอดคล้องกับพันธะของประเทศไทยภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศด้วย"
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ชาวบ้านประมาณ 100 คนจากอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ได้ร่วมชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดภาคใต้ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ทหารในท้องถิ่น เข้าทำการสกัดการชุมนุมและจับกุมตัวชาย 17 คน ซึ่งรวมถึงผู้สื่อข่าวในท้องถิ่นและเด็กวัย 16 ปี โดยผู้ชุมนุมทั้ง 16 คนถูกตั้งข้อหาร่วมกันเดินอันเป็นการกีดขวางการจราจรตาม พ.ร.บ.ทางหลวง และต่อสู้หรือจัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งได้กระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา 138 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งผู้ชุมนุมอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี หากพบว่ากระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ทั้งนี้ผู้ชุมนุม 15 คนยังคงถูกควบคุมตัว ขณะที่เด็กวัย 16 ได้รับการประกันตัวเมื่อวานนี้