ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้จำคุกนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นเวลา 12 เดือน กรณีตกเป็นจำเลยในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 11 ต.ค.52 จำเลยได้กล่าวปราศรัยที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยใส่ร้ายโจทก์ทำนองว่าประวิงเวลาในการทำความเห็นเพื่อเสนอสำนักราชเลขาธิการพิจารณากรณีที่มีผู้ร่วมลงรายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.52 จำเลยยังได้ปราศรัยหน้าทำเนียบรัฐบาล ใส่ร้ายโจทก์ขณะเป็นนายกรัฐมนตรีทำนองว่าสั่งฆ่าประชาชน และเผยแพร่คำปราศรัยผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขณะที่จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอด
ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ม.ค.58 ว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรม จำคุกกระทงละ 1 ปี จำนวน 2 กระทง รวมจำคุก 2 ปี และลงโฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์รายวัน 3 ฉบับ และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์การกระทำผิดของจำเลยแล้วมีถ้อยคำบางช่วงบางตอนที่ไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่ง อาจกระทบต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย โทษจำคุกจึงไม่เห็นควรรอการลงโทษ จากนั้นจำเลยยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์เพื่อให้ประชาชนออกมาขับไล่โจทก์ในฐานะเป็นรัฐบาล ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทใส่ร้ายโจทก์ตามฟ้องจริง ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอลงอาญานั้นเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า ถ้อยคำของจำเลยไม่เป็นการสมควร หมิ่นเหม่กระทบสถาบันจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ
แต่ในชั้นฎีกาจำเลยให้การยอมรับว่าได้ปราศรัยถ้อยคำดังกล่าวจริง ดังนั้นที่ศาลล่างพิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เห็นควรลดโทษบ้าง จึงพิพากษาแก้ให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น