นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีข้อเสนอการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อขยายกรอบเวลาในการดำเนินการเรื่องต่างๆ ว่า ทราบมาว่าผู้ที่เกี่ยวข้องมีการพูดคุยกันอยู่ และทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็พูดคุยเรื่องนี้ แต่ยังไม่มาถึงขั้นที่รัฐบาลต้องพิจารณา อะไรที่ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและไม่สามารถทำได้รวดเร็ว และเรื่องนี้ต้องรอความชัดเจนในอนาคต ซึ่งเห็นว่าเรื่องนี้มีอยู่ 2 แนวทางคือ 1.ปลดล็อคพรรคการเมือง 2.แก้ไขกฎหมายเพื่อขยายเวลา ซึ่งทำได้ 2 วิธี คือแก้ไขตามปกติและแก้ไขด้วยการใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ส่วน คสช.จะตัดสินใจอย่างไรนั้นตนเองไม่ทราบ
"การปลดล็อคนั้น เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน การปลดล็อคก็ไม่เกิดประโยชน์ ส่วนการขยายเวลา เนื่องจากเวลาเดิมเขียนไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 141 ก็ต้องไปแก้มาตรา 141 ด้วยการออกกฎหมายใหม่ไปแก้ หรือออกคำสั่งตามมาตรา 44 ซึ่งมีผลเท่ากับกฎหมายไปแก้ คำตอบก็คือแค่นี้ เคยมีคนใน คสช.มาถาม ผมก็ตอบไปอย่างนี้ อย่างที่ตอบผู้สื่อข่าว ส่วนเขาจะเลือกหรือคิด ตัดสินใจอย่างไรนั้นไม่ทราบ แต่ก็ได้พูดกันแบบนี้นานแล้ว" นายวิษณุ กล่าว
ส่วนการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะกระทบกับโรดแมพหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน ขณะนี้ไม่ได้คิดว่าจะส่งผลอะไรทั้งสิ้น โรดแมพก็ส่วนของโรดแมพ เนื่องจากยังไม่ทราบว่าจะขยายกี่วัน แต่ก็ไม่น่าจะไปกระทบโรดแมพ อย่างที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บอกว่าสามารถจัดการเลือกตั้งได้ ตั้งแต่ 2 เดือนแรกของ 150 วัน หลังจากให้กำหนดวันเลือกตั้ง เพราะกฎหมายพรรคการเมืองเขียนกำหนดกรอบเวลาไว้ เช่น 90 วัน ในการสำรวจรายชื่อสมาชิกพรรค ซึ่งถ้าพรรคการเมืองดำเนินการเร็วก็จะเหลือเวลาในการทำอย่างอื่น ซึ่งสามารถทำทันได้ โดยไม่กระทบโรดแมพ
"ถ้าเขาให้เวลาช่วงแรก 90 วัน คุณทำช่วงแรกให้เสร็จก็ไปสตาร์ทช่วงที่ 2 ได้เร็ว ซึ่งช่วงที่ 1 คือช่วงที่พรรคการเมืองต้องแจ้งรายชื่อสมาชิกให้แก่นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายใน 90 วัน กับช่วงที่ 2 คือ ให้พรรคการเมืองจัดหาทุนประเดิมให้ได้ 1 ล้านบาท ให้สมาชิกเสียค่าบำรุงคนละ 100 บาท และให้มีการประชุมใหญ่พรรคการเมือง เพื่อจัดทำข้อบังคับ เลือกกรรมการบริหารพรรค และจัดตั้งสาขา โดยให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ดังนั้นถ้าไม่ไปรอทำในวันสุดท้ายก็คือทัน ถ้าทันก็ไม่กระทบอะไรกับโรดแมพ" นายวิษณุ กล่าว
ส่วนเรื่องการปลดล็อกพรรคการเมืองนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องพิจารณาทุกอย่างประกอบกัน ส่วนจะปลดหรือไม่ปลดนั้น ตนเองไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับทาง คสช. และต้องถามทางฝ่ายความมั่นคงที่น่าจะตอบความชัดเจนได้มากกว่าตนเอง และใน คสช.ก็มีการหารือกันในเรื่องนี้ ซึ่งตนเองไม่ทราบรายละเอียด เพราะตนเองจะหารือกับ คสช.ในการออกคำสั่งตามมาตรา 44 เท่านั้น
สำหรับการแก้ไข ร่างพ.ร.บ.ประกบอรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จะต้องรับฟังความคิดเห็นอีกหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าแก้ไขด้วยวิธีปกติ ต้องรับฟังความคิดเห็น พร้อมกับถามความเห็นของ กกต.จึงต้องใช้เวลาพอสมควร จึงคิดว่าคงจะใช้วิธีนี้ยาก เพราะต้องมีกระบวนการฟังความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ และไม่ทราบว่าในชั้น สนช.จะใช้เวลาพิจารณากันนานเท่าไหร่ ดังนั้นจึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะใช้มาตรา 44 แก้ไข ถ้าคิดว่าจะไม่ปลดล็อคทางการเมือง แต่ถึงอย่างไรก็ต้องแก้ไขกฎหมายนี้ เพื่อขยายเวลาให้พรรคการเมือง แม้การขยายเวลาจะมีอยู่ในอำนาจของ กกต.แต่อาจจะเกิดปัญหาความได้เปรียบเสียเปรียบของพรรคการเมือง ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมจึงคงต้องใช้ มาตรา 44 เพื่อแก้ไขกฎหมายนี้
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ ว่า ตนเองยังไม่เห็นหนังสือที่เป็นข้อเสนอดังกล่าวจึงไม่ขอออกความเห็น
ส่วนกรณีที่มีนักการเมืองออกมาระบุว่าจะมีการจัดตั้งพรรคทหารนั้นก็ยังไม่ทราบเช่นกัน เพราะเรื่องนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน แต่หากใครจะมีการพูดคุยกันหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ เพราะตนเองไม่ได้มีส่วนร่วมหรือรับรู้ในการพูดคุย ไม่ว่าในเวทีใดๆ