นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมหารือถึงการปรับแก้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น หลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ปรับแก้คุณสมบัติของผู้สมัครให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ทราบมาว่า กกต.ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 30-40 ประเด็นที่ต้องแก้ไขไปพร้อมกัน เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตและบริสุทธิ์
ทั้งนี้หลังจาก กกต.เห็นชอบกฎหมายดังกล่าวแล้วก็จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ก่อนส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาปรับแก้ไขและนำกลับเข้าคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง จากนั้นส่งเรื่องไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้พิจารณาซึ่งคาดว่าจะเสนอเข้าสู่ สนช.ได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อ สนช.ให้ความเห็นชอบประกาศใช้กฎหมายก็เป็นหน้าที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะพิจารณาว่าจะจัดการเลือกตั้งเมื่อใดและจัดเลือกตั้งในระดับไหน โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นจะใช้เวลาดำเนินการ 45-60 วัน ซึ่งเชื่อว่าจะไม่กระชั้นชิดกับการเลือกตั้งใหญ่ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นช่วงเดือนไหน เพราะกฎหมายยังไม่ประกาศใช้
นายวิษณุ ยังปฎิเสธว่า ไม่ได้เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ปรับเพิ่มวงเงินในการรับของที่กำหนดให้รับได้ไม่เกิน 3,000 บาท แต่วงเงิน 3,000 บาทดังกล่าวได้ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2542 ดังนั้นหากจะมีการปรับวงเงินใหม่ก็ถือว่าสมควรเนื่องจากราคาสินค้าในปัจจุบันสูงขึ้น แต่หากอ้างอิงตามกฎหมายและประกาศของ ป.ป.ช.กำหนดห้ามข้าราชการทุกระดับ รัฐวิสาหกิจ รวมไปถึงเอกชน ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการรับสิ่งของหรือเงินทองแม้แต่บาทเดียว ยกเว้นรับตามธรรมจรรยา 3 ข้อ คือ 1.รับจากญาติพี่น้อง ซึ่งไม่กำหนดวงเงิน 2.รับจากคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติ ต้องไม่เกิน 3 พันบาท ซึ่งแม้แต่การเลี้ยงอาหารก็ไม่สามารถทำได้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีการทำลักษณะเช่นนี้อยู่ และ 3.รับจากการแจกที่แจกให้คนทั่วไป เช่น มูลนิธิ แจกอาหาร สามารถรับได้
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีซื้อลูกสุนัขพันธ์บางแก้วแล้วแจกให้รัฐมนตรีสามารถทำได้ แต่คนรับไม่สามารถรับได้ ซึ่งต่างจากกรณีให้ทิปที่ไม่สามารถให้ได้