พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะร่วมรับฟังข้อเสนอการพัฒนาเกาะช้างพร้อมพบปะผู้ประกอบการและประชาชนเกาะช้างจำนวน 300 ราย ณ ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด ซึ่งได้เสนอการพัฒนาเกาะช้างเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นแผนระยะยาว 7 โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมรอบเกาะช้างซึ่งเป็นถนนเลียบเกาะที่เหลือระยะทางประมาณ 10 กม.เศษ ระหว่างบ้านบางเบ้า-บ้านสลักเพชร ต.เกาะช้างใต้, โครงการอ่างเก็บน้ำคลองพร้าว ซึ่งจะมีความจุเต็มที่กว่า 2 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยได้มีการออกแบบให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ ซึ่งประชาชนจะได้รับน้ำเข้าพื้นที่เกษตรประมาณ 745 ไร่ และมีน้ำประปาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ อย่างพอเพียง และสนองการเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังมีโครงการปรับปรุงโรงคัดแยกขยะมูลฝอย, โครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดระบบรวบรวมและระบบบำบัดน้ำเสีย, โครงการศึกษาพร้อมออกแบบพัฒนาท่าเรือสาธารณะให้ได้มาตรฐานสากลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ที่จะเป็นจุดเชื่อมโยงจาก อ.สัตหีบ จังหวัดชลบุรี และจะเป็นจุดส่งต่อผู้โดยสารไปลงที่ท่าเรืออเนกประสงค์ อ.คลองใหญ่ รวมทั้งโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกกำลังคนเพื่อเตรียมบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการ โดยจะใช้บทบาทของวิทยาลัยอาชีวะ เทคนิค และสารพัดช่าง ร่วมมือกับสำนักพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดตราดผลิตบุคลากรให้มีอาชีพ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้พยายามทำทุกเรื่องแต่ไม่ใช่เป็นการนำเงินมาให้ ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมตามโครงการประชารัฐและโครงการไทยนิยมคือทุกคนต้องนิยมทำความดี เคารพกฎหมาย เลือกตั้งให้เกิดความเป็นธรรม ได้คนดีเข้ามาบริหารบ้านเมือง นั่นคือสิ่งที่ตนเองเรียกว่าไทยนิยม ไม่ได้หมายความว่าจะให้เงินเท่านั้นเท่านี้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชาวเกาะช้างขอมาทั้งหมด 7 ข้อรัฐบาลจะรับหลักการทั้งหมด และจะนำไปพิจารณาและหาวิธีการดำเนินการให้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์และจำเป็น
"เกาะช้างถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ และต้องเตรียมความพร้อมว่าจะต้องการอะไร ต้องเริ่มต้นจากตัวเราเองนอกจากรัฐบาลแล้ว รัฐบาลนี้ทำอะไรได้ก็จะทำ อะไรยังทำไม่ได้ก็ต้องคอยทุกอย่างที่ขอมารัฐบาลจะรับไปพิจารณา"
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตนเองยังมีกำลังใจในการทำงานต่อแม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้าง ซึ่งอาจจะเกิดจากความหวังดีหรือไม่หวังดี แต่สิ่งที่อยากจะให้เข้าใจคือ ความตั้งใจในการเข้ามาทำงานตั้งแต่เป็นทหาร แต่จะทำอย่างไรให้เกิดขึ้นได้ และหลายอย่างก็ควรจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่รัฐบาลนี้สามารถที่จะทำได้ในบางเรื่องที่ไม่เกิดข้อขัดแย้งมาก และวันนี้สิ่งที่ตนเองต้องการก็คือ ไม่ให้ประชาชนแบ่งแยกกัน ต้องหันหน้าเข้าหากัน อย่าให้ใครเข้ามาชี้นำให้เราแตกแยกอีกต่อไป วันนี้รัฐบาลจะทำเป็นแบบอย่างให้ไว้ วันข้างหน้าจะได้เลือกคนดีๆ เข้ามาทำงานซึ่งก็สุดแล้วแต่ทุกคน ตนเองบังคับใครไม่ได้ แต่อยากได้คนดี เราต้องวางรากฐานประเทศไทยเข้มแข็ง ไม่ใช่เพื่อนายกฯหรือเพื่อใคร แต่ทั้งหมดก็เพื่อลูกหลานของทุกๆคน
"วันนี้เราเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตย ผมถามว่าประชาธิปไตยที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร มันจะเป็นบ่อเกิดและต้นทางของทุกอย่าง และผมก็ไม่ได้ขัดแย้งกับประชาธิปไตย ผมอยากให้มองประชาธิปไตยเป็นสิ่งดีงาม สามารถเลือกตั้งคนที่มีคุณภาพเข้ามาสู่การเลือกตั้งได้ ตราบใดที่ยังเลือกคนไม่ได้หรือไม่มีคนให้เลือก นั่นคือปัญหาของเรา และหัวหน้าปัญหาเหล่านี้จะไม่มีโอกาสแก้ไขต่อไป ผมจะเริ่มระยะนี้ให้ท่าน ไม่ได้มาทำวันนี้เพื่อการเมืองใดๆทั้งสิ้น แต่ต้องการเริ่มทุกอย่างในสิ่งที่ขอมา ถ้าทำตั้งแต่วันนี้ก็จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันนี้ ใครเข้ามาก็ต้องทำต่อ ถ้าใครเข้ามาแล้วไม่ทำก็ถือว่าไม่ทำตามสัญญาของประชาชน นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะบอก ในเมื่อเราเป็นเจ้าของอำนาจก็ต้องใช้อำนาจที่ถูกต้อง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น เนื่องจากบ้านเมืองมีความสงบ นักท่องเที่ยวทยอยเข้ามา ภาพรวมของเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ทั้งรัฐบาลและนายกฯก็ยังไม่พอใจ เพราะกระทรวงทบวงกรมยังไม่เข้าถึงประชาชน ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องการให้มีคณะกรรมการพิเศษลงไปยังทุกจังหวัดหมู่บ้านตำบลและหมู่บ้านเช็คดูว่าเพื่อตรวจสอบดูว่าชาวบ้านต้องการอะไร
"เราจะไปในทุกจังหวัดไปจนกว่าเวลาจะหมด ซึ่งเชื่อว่า จังหวัดที่ไปทุกจังหวัดที่ไปก็จะมีประชาชนมาร้องทุกข์ประชาชนมาร้องเรียนถึงความเดือดร้อนของตัวเอง แต่ทั้งหมดไม่ใช่เพื่อการหาเสียงอย่างที่เป็นข่าวหรือที่ชอบพูดกัน แต่รัฐบาลมาเพื่อให้ผู้บริหารราชการแผ่นดินลงมาสัมผัสกับชาวบ้าน ให้รู้ถึงความเดือดร้อนและความต้องการ โดยต้องร่วมมือกันทั้งสองฝ่ายในลักษณะของประชารัฐนี่คือแนวทางที่รัฐบาลปัจจุบันทำมาโดยตลอด แต่บางครั้งยอมรับว่าการสื่อสารไม่ถึงจึงอยากให้ประชาชนช่วยบอกต่อกันปากต่อปาก"
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่คลองพร้าวรีสอร์ท พร้อมรับฟังข้อเสนอการพัฒนาเกาะช้าง จากเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดตราด ก่อนออกเดินทางจากเกาะช้าง โดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังค่ายตากสิน จังหวัดจันทบุรี เพื่อปฏิบัติภารกิจต่อในช่วงบ่าย