พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงผลหารือกับ พล.อ.โจเซฟ เอฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการรวมกองทัพสหรัฐอเมริกา เมื่อวานนี้ว่า ทางสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นห่วงหรือสอบถามเกี่ยวกับวันเลือกตั้ง เพียงแต่ให้กำลังใจประเทศไทยในการเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย ซึ่งตนเองได้ยืนยันว่ากำลังเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตย และได้ชี้แจงถึงเหตุผลความจำเป็นของประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งทางสหรัฐมีความเข้าใจ และขอให้ทุกอย่างประสบผลสำเร็จตามขั้นตอน
พร้อมทั้งได้ชี้แจงเพิ่มเติมกับสหรัฐว่า ประเทศไทยมีปัญหาที่ต้องแก้ไข ซึ่งขอให้ประชาชนเข้าว่าประเทศไทยและสหรัฐมีความแตกต่างกัน ทั้งเรื่องของสังคม การศึกษา อาชีพ รายได้ จึงต้องมีกระบวนการเพื่อไปสู่ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งตามเวลากรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
"ขอเวลาในการบริหารประเทศ ไม่ได้ต้องการยืดเวลาให้ชักช้า เพราะเราต้องเดินหน้าประเทศอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในการพูดคุยกับ ประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐอเมริกา วานนี้ ก็ได้ชี้แจงทำความเข้าใจว่า ขอเวลาให้ประเทศไทยได้ดำเนินการในเรื่องกฎหมายต่างๆ เพราะเมื่อสหรัฐมีอเมริกันเฟิร์ส เราก็มีไทยแลนด์เฟิร์สที่ต้องดูแลคนไทยในประเทศ ควบคู่กับนโยบายด้านการต่างประเทศ ที่จะดูแลเกี่ยวกับการค้าการลงทุน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนโครงการไทยนิยม นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไม่ใช่การนำเงินไปหว่าน แต่ต้องฝึกงาน ฝึกอาชีพ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้มีรายได้น้อยนำไปประกอบอาชีพเพื่อพึ่งตนเองได้ ดังนั้นจึงต้องสร้างความเข้าใจให้ผู้มีรายได้น้อยมาฝึกให้มากขึ้น ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (9 ก.พ.)จะมอบนโยบายในการดำเนินโครงการไทยนิยมยั่งยืน เพราะได้ใช้เวลาในการเตรียมงานกว่า 1 เดือน และเป็นไปอย่างรอบคอบ เนื่องจากต้องใช้ข้าราชการ 7 พันชุดในการลงพื้นที่สอบถามความต้องการในพื้นที่เพื่อให้เกิดการพัฒนาตามความต้องการของประชาชน โดยแนวคิดนี้ได้นำมาจากประเทศจีนที่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้เป็นอย่างดี และที่รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ได้เพราะประเทศชาติสงบ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ได้พบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ทุกวัน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็อารมณ์ดีทุกวัน แม้จะถูกกระแสสังคมกดดันในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนกรณีที่นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ (ITD) และพวกถูกจับกุม พร้อมอาวุธปืนและซากสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนั้นจะถูกดำเนินคดีไปตามกฎหมาย และขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ขอสื่อมวลชนอย่าไปขยายประเด็นหรือวิจารณ์ไปในทางลบ โดยเฉพาะประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปให้การช่วยเหลือ เพราะหากมีใครกล้ายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือก็ต้องถูกลงโทษ ซึ่งต้องมีการพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าทำผิดจริง ขอให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาข้อเท็จจริงก่อน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักฐาน
"ช่วยเหลือไม่ได้ ผิดก็คือผิด ใหญ่แค่ไหนก็คือผิดหากพิสูจน์ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว