พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการติดตามตัวนายทักษิณ ชินวัตร และนาวสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ไม่ได้มีการหารือกับ รมว.ต่างประเทศสหราชอาณาจักรที่เดินทางมาเข้าพบเมื่อวานนี้เกี่ยวกับการส่งตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ที่มีข้อมูลว่าพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษกลับมาดำเนินคดี เนื่องจากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอยู่แล้ว
ส่วนจะมีการส่งตัวกลับให้หรือไม่ขึ้นอยู่กับต่างประเทศพิจารณาจับกุมและส่งตัวกลับมาดำเนินคดี เพราะเจ้าหน้าที่ไทยไม่สามารถไปจับกุมในต่างประเทศได้ ที่ผ่านมาได้ทำความเข้าใจและส่งข้อมูลให้แต่ละประเทศไปแล้วกรณีผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายของไทย ซึ่งขึ้นอยู่กับประเทศนั้นที่จะพิจารณาส่งตัวกลับมาให้หรือไม่ เช่นเดียวกับประเทศไทย หากมีการร้องขอมาก็จะต้องมีการพิจารณาเช่นกัน
สำหรับกรณีที่มีรายงานข่าวว่านักการเมืองไทยจะบินไปพบอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็สามารถไปได้ แต่ที่ผ่านมาก็มีการกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิ เพราะมีคำสั่ง คสช.ห้ามนักการเมืองเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งได้ผ่อนปรนไปแล้ว เป็นการให้เกียรติทุกคน ใครจะเดินทางไปก็ได้ไม่ต้องมาขออนุญาต แต่หากใครไปเพื่อกระทำความผิดและล้มล้างรัฐบาล เรื่องนี้ฝ่ายความมั่นคงก็จะต้องดูแลและขอข้อมูลเพิ่มเติม
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ได้หงุดหงิด หรือทำสีหน้าดุดันเมื่อมีผู้กล่าวถึงอดีตนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คน แต่ที่แสดงอารมณ์ไปบ้าง เพราะสื่อมวลชนตั้งคำถามที่ไม่ได้เข้าใจถึงแก่นสาระสำคัญ แต่สนใจเพียงเปลือกนอก หรือกระพี้ของต้นไม้ ซึ่งคำว่ากระพี้ไม่ได้หมายความถึง 2 อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะยังให้เกียรติในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ทุกอย่างจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย จึงอยากให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวที่มีแก่นสาร ไม่ใช่การทำข่าวตามกระแส จนส่งผลกระทบต่อส่วนรวม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้พบและมีการหารือกับผู้แทนของประเทศอิตาลีและสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศสำคัญในสหภาพยุโรป และเป็นคู่ค้าสำคัญกับประเทศไทย ดังนั้น จะต้องมีการให้เกียรติซึ่งกันและกัน และประเทศเหล่านี้ก็ให้กำลังใจไทยในเรื่องประชาธิปไตยที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง
ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการตามโรดแมพ และตามขั้นตอนต่างๆของกฎหมาย ซึ่งหากมีการขยับการเลือกตั้งก็เป็นไปตามกฎหมายที่มีการขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งออกไปอีก 90 วัน เรื่องนี้ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นคนกำหนดและขอร้องว่าอย่านำไปเป็นประเด็นว่าพูดกลับไปกลับมา เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
เช่นเดียวกับกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และฆ่าเสือดำ ส่วนตัวไม่อยากให้สื่อมวลชนและสังคมสอบถามหรือขยายความในประเด็นนี้กับเจ้าหน้าที่ เพราะจะทำให้เสียรูปคดี ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย และถูกลงโทษตามความผิด และขอกระแสสังคม อย่าเข้าใจว่า คนรวยไม่ติดคุก แต่คนจนติดคุก เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้นจึงอย่าเปรียบเทียบกัน เพราะเป็นคนละคดีและคนละกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมของศาลที่อาจจะลดทอนความเชื่อมั่น