ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย เดือน ธ.ค.60 พบว่า ค่าดัชนีอยู่ที่ 52 ลดลงจาก 53 ในเดือน มิ.ย.60 ขณะที่ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยในปัจจุบัน อยู่ที่ 51 ลดลงจาก 52 ในเดือน มิ.ย.60 ส่วนดัชนีแนวโน้มสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย อยู่ที่ 53 ลดลงจาก 54 ในเดือน มิ.ย.60
อนึ่ง ดัชนียิ่งมีค่าใกล้ 100 แสดงว่าสถานการณ์การคอร์รัปชั่นมีปัญหาลดน้อยลงหรือสถานการณ์ดีขึ้น และดัชนียิ่งเข้าใกล้ 0 แสดงว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นมีปัญหามากขึ้นหรือสถานการณ์แย่ลง
ทั้งนี้ เมื่อแยกดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่น 4 หมวด พบว่า ดัชนีปัญหาและความรุนแรงของการคอร์รัปชั่นเดือนธ.ค.60 มีค่าเท่ากับ 42 ลดลงจากการสำรวจเดือนมิ.ย.60 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 44 ด้านดัชนีการป้องกันการคอร์รัปชั่นมีค่าเท่ากับ 53 เท่ากับในการสำรวจเมื่อเดือนมิ.ย.60 ดัชนีการปราบปรามการคอร์รัปชันเดือนธ.ค.60 มีค่าเท่ากับ 53 ลดลงจากการสำรวจเดือนมิ.ย.60 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 54 และดัชนีการสร้างจริยธรรมและจิตสำนึกมีค่าเท่ากับ 60 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเดือนมิ.ย.60 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 60
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในปัจจุบันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จำนวน 37% มองว่ารุนแรงเพิ่มขึ้น, 33% มองว่าเท่าเดิม และ 30% มองว่าลดลง
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย จาก 2,400 ตัวอย่าง จากกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มคือ ประชาชน ข้าราชการ และนักธุรกิจ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า ดัชนีสถานการ์คอร์รัปชั่นไทยที่ออกมา บ่งบอกได้ว่า สถานการ์คอร์รัปชั่นมีความรุนแรงและล่อแหลมมากขึ้น และเริ่มเห็นสัญญาณการจ่ายเงินใต้โต๊ะในสัดส่วนมากกว่า 20 % เพิ่มมากขึ้น แม้จะมีมาตรการป้องกันต่างๆ แต่หน่วยงานภาครัฐเริ่มหาช่องทางในการหาเงินใต้โต๊ะ ซึ่งการแก้ไขปัญหายังไม่ยากนัก เพราะประชาชนและภาคเอกชนมีความตื่นตัวและพร้อมร่วมตรวจสอบมากขึ้น
ส่วนกรณีประเด็นเรื่องนาฬิกาหรู ที่สังคมให้ความสนใจ จะส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันหรือไม่นั้นนายธนวรรธน์ กล่าวว่า ผลการสำรวจไม่ได้เจาะจงประเด็นนี้ และผลโพลล์ไม่ได้ชี้เรื่องนี้ออกมา แต่เมื่อมีประเด็นต่างๆ ประชาชนสามารถสัมผัสได้และมีมุมมองสะท้อนออกมาได้ ซึ่งสิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลมีความจริงจังกับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันเพียงใด
ส่วนจะส่งให้การประเมินดัชนีสถานการ์คอร์รัปชั่นไทยในรอบหน้าแย่ลงหรือไม่นั้น นายธนวรรธน์ มองว่า ขึ้นอยู่กับความจริงจังของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา เพราะหลังจากนี้จะเข้าสู่ช่วงการประมูลโครงการของรัฐบาลมากขึ้น ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการคอร์รัปชั่นเพิ่มมากขึ้น
"ถือเป็นสัญญาณคอร์รัปชั่นที่แย่ลง หากนับจากช่วงเดือนมิถุนายน 2558 ที่รัฐบาลเริ่มทำงาน รวมไปถึงดัชนีปัญหาและความรุนแรงของคอร์รัปชันก็แย่ลงด้วย โดยในเดือนธันวาคม 2560 อยู่ที่ 42 เทียบกับช่วงก่อนมิถุนายน 2560 อยู่ที่ 44 ซึ่งสาเหตุมาจาก รัฐบาลกำลังเข้าสู่ช่วงการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง จึงเห็นสัญญาณของการคอร์รัปชั่นเริ่มกลับมา"