นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีน.พ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการถือหุ้นสัมปทานรัฐ ว่า เป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะต้องตรวจสอบ
"ต้องแยกให้ออกระหว่างการถือหุ้นสัมปทานของรัฐ กับการถือหุ้นในบริษัทเอกชนเกิน 5% ที่ถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน เพราะหากเป็นการถือหุ้นสัมปทานของรัฐก็เข้าข่ายขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีที่ กกต.จะพิจารณา แต่ถ้าถือหุ้นในบริษัทเอกชนเกิน 5% ก็เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะพิจารณา"นายวิษณุ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเคยมีการร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการถือหุ้นเกิน 5% ของ 9 รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ไปแล้ว และทางป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือมาถามรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และแจ้งเรื่องมาที่นายกรัฐมนตรีให้ตรวจสอบด้วย ส่วนความคืบหน้าเป็นอย่างไรนั้นตนเองไม่ทราบ
ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่นพ.ธีระเกียรติ ถือหุ้นใน บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) จำนวน 5,000 หุ้น ซึ่งเป็นหุ้นสัมปทานของรัฐว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยแล้วว่าถ้าเป็นการถือหุ้นมาตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่ง ไม่ขาดคุณสมบัติ ซึ่งถือเป็นข้อยุติ
ดังนั้นต้องไปดูว่ามีการถือหุ้นมาตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ และถ้าจำนวนหุ้นที่ถืออยู่คิดเป็นสัดส่วนเล็กน้อย เมื่อเทียบกับจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท และไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีอำนาจกำหนดทิศทางของบริษัท ก็ไม่จำเป็นต้องขาย เพียงแต่ห้ามซื้อเพิ่มเท่านั้น