พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับ ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ว่า รัฐบาลได้ให้แนวทางไปแล้วว่าให้มีการแก้ไขตามที่คณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายพิจารณา โดยตนเองไม่ไปก้าวล่วง แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการล้มกฎหมายลูกโดยเด็ดขาด เป็นเรื่องของการพิจารณาตกลงกันให้ได้ จึงขอให้คนที่เรียกร้องยุติเรื่องนี้ได้แล้ว เพราะหากไม่มีเหตุผลที่สมควรก็ล้มไม่ได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดนครปฐมในวันพรุ่งนี้ ( 21 ก.พ.) ว่า เป็นการเดินหน้า"โครงการไทยนิยมยั่งยืน" เพื่อเน้นเรื่องการสร้างการรับรู้และรับทราบปัญหาและความต้องการของประชาชนโดยตรง ในทุกตำบลทุกหมู่บ้าน และจะนำการดำเนินการที่รัฐบาลได้ทำมากว่า 3 ปีให้ประชาชนได้รับรู้ว่าได้ทำเรื่องใดไปบ้าง เพราะหากประชาชนไม่ได้รับรู้ ก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เกิดการพัฒนาตัวเอง
และอีกเรื่องที่จะเน้นย้ำ คือเรื่องของความโปร่งใสที่ทุกคนต้องช่วยกันดู ทั้งเรื่องความโปร่งใสในการจัดทำงบประมาณ การทำเวทีประชาคม และต้องดูความต้องการของประชาชนว่าจะดูแลได้อย่างไร และอย่าให้การทุจริตเกิดขึ้น และหากพบการทุจริตในส่วนราชการก็จะต้องแจ้งให้ทราบและจะต้องมีการลงโทษ ยืนยันจะไม่ยอมให้ส่วนราชการเข้าไปมีผลประโยชน์เด็ดขาด
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ไทยนิยม คือ การทำความดีเพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติของเราให้เกิดความยั่งยืนเกิดขึ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยจะลงพื้นที่ดูการลดต้นทุนปลูกข้าว เกษตรอินทรีย์ ดูว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีรายได้ที่ดีขึ้น และขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะมีหลายกลุ่มงานในการลงพื้นที่ และต้องดูว่า เมื่อทำการเกษตรแล้วไม่ดีขึ้น จะต้องมีการปรับรูปแบบการทำเกษตรใหม่ ว่าจะทำอย่างไรให้ยั่งยืน และมีการท่องเที่ยวเข้าไปเสริม ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลคิดไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่การตั้งวงเงินและมอบให้ประชาชน แบบนั้นทำไม่ได้
ทั้งนี้ อยากให้สังคมช่วยกันคิดต่อว่านโยบายการหาเสียงต่อไปนี้ จะหาเสียงด้วยเรื่องตัวเลข วงเงิน หรือโครงการราคาพืชผลทางการเกษตรมาหาเสียงนั้น มีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เพราะตามหลักข้อเท็จจริง จะใช้เงินของรัฐเข้าไปอุดหนุนราคาพืชผลการเกษตรนั้นไม่สามารถทำได้ ที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าทำให้เกิดความเสียหายหลายประการและขออย่าให้กลับไปเป็นเช่นเดิม
"อาจจะมีหลายคนที่ออกไปเดินสายข้างล่าง ว่าจะทำให้ราคาข้าวขึ้นเท่าโน้นเท่านี้ ยางขึ้นเท่าโน้นเท่านี้ นี่ทำแทบตาย หัวจะผุแล้ว คิดทุกวัน แก้โน้นแก้นี่ ก็มีปัญหาหมดทุกวัน การที่เราจะไปกำหนดราคาเองทั้งหมด ต้องอย่าลืมว่า เรามีศักยภาพเพียงพอหรือไม่ที่จะกำหนดราคาต่างประเทศ เขาก็ดูกลับมาถึงความมั่นคงและศักยภาพของประเทศ ถ้าตราบใดที่ความขัดแย้งสูง ก็ไม่มีใครฟังมาก ก็กำหนดราคาสินค้าของเราไป เราต้องเข้มแข็งด้วยตัวของเราเอง ให้เห็นว่าเรามีเสถียรภาพ เราพูดคนถึงจะฟัง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว