พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจผลคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ปี 2560 ที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (TI) ได้ประกาศรายงานล่าสุด โดยประเทศไทยมี 37คะแนน ดีขึ้นกว่าปีก่อน 2 คะแนน ขยับจากอันดับที่ 101 ขึ้นไปอยู่ที่ 96 จาก 180 ประเทศ สะท้อนว่านานาชาติมองเห็นถึงสิ่งที่รัฐบาลและทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำงานเพื่อต่อต้านการทุจริตมาโดยตลอด ส่วนอันดับและคะแนนที่ขยับขึ้นลงในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ TI นำมาวิเคราะห์
"นายกฯ ย้ำว่านับเป็นข่าวที่ดี และหากดูคะแนนและอันดับในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น แต่ประชาชนอาจรู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก จึงอยากให้พิจารณาที่การกระทำหรือผลการทำงานมากกว่าแค่เพียงตัวเลข เช่น ที่ผ่านมามีการออกกฎหมายปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง รวมถึงดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลน้อมรับผลคะแนนบางเรื่องที่ยังเป็นจุดอ่อนโดยจะนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป" พล.ท.สรรเสริญกล่าว
ส่วนกรณีการร้องเรียนการทุจริตเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ภายในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัด พม. และนายณรงค์ คงคำ รองปลัด พม. ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ เพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวมีความถูกต้องและเป็นธรรม เนื่องจากผลการสืบเบื้องต้นตรวจพบความผิดปกติจริงแต่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และอาจมีความเกี่ยวข้องกับข้าราชการของ พม.ในหลายระดับ จึงจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
"นายกฯ ยอมไม่ได้ที่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน เพราะรัฐบาลประกาศเป็นนโยบายชัดเจนแล้ว ยืนยันว่าหากพบการกระทำผิดจริงไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับใดจะต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด รวมถึงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องแต่ปล่อยปละละเลยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัยด้วย" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังกำชับให้ทุกหน่วยราชการช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้มีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก โดยหากเจ้าหน้าที่หรือประชาชนพบเบาะแสหรือพยานหลักฐานการทุจริตในทุกกรณีขอให้แจ้งไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีได้