ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กรณีให้สัมภาษณ์เมื่อปี 54 ระบุแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองและเป็นคนของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นทางการเมืองโดยสุจริต ไม่ได้หมิ่นประมาท และไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง
"ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น พยานหลักฐานจำเลยมีน้ำหนักมั่นคง จำเลยแสดงความเห็นทางการเมืองโดยสุจริตตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น" คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ระบุ
โดยคดีนี้พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาและกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550
สืบเนื่องจากนายสุเทพได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ค.54 ในช่วงก่อนการเลือกตั้งพาดพิง นพ.เหวง โตจิราการ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ส่งผลให้ทั้ง 3 คน และพรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหายในทำนองว่าเป็นพวกเผาเมือง และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพรรคเพื่อไทย
ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่า พรรคเพื่อไทยได้จัดให้แกนนำ นปช.ไว้ในกลุ่มรายชื่อลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ลำดับต้นๆ และได้รับเลือกตั้ง ส่วนที่นายสุเทพกล่าวถึงเหตุการณ์ชุมนุมที่มีการเผาศาลากลางจังหวัดและห้างสรรพสินค้าเมื่อปี 53 ก็เป็นไปตามรายงานการสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งขณะนั้นนายสุเทพอยู่ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้รายงานสถานการณ์ดังกล่าวให้ประชาชนทั่วไปรับทราบการกระทำของจำเลย จึงไม่ได้เป็นการกล่าวข้อความอันเป็นเท็จ ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง