พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนข้าราชการ เข้าร่วมรดน้ำขอพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2561
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ของไทย ซึ่งเป็นวาระแห่งความสุข เป็นการสืบสานในประเพณีที่ดีงามของไทยที่คนไทยทุกคนจะใช้โอกาสนี้ไปเข้ากราบอวยพรผู้ที่มีพระคุณและขอพรจากผู้ใหญ่ ซึ่งวันนี้ในนามของรัฐบาล พร้อมด้วยผู้นำเหล่าทัพ ตลอดจนข้าราชการได้เข้ามากราบอวยพรประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งสิ่งที่ทุกคนยึดถือปฏิบัติกันมาตามแนวทางของ พล.อ.เปรม คือการตอบแทนคุณแผ่นดิน และสิ่งเหล่านี้อยู่ในจิตใจของทุกคนเสมอมา ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต และสิ่งเหล่านี้จะถ่ายทอดไปยังคนรุ่นหลัง โดยต้องยึดหลักการเหล่านี้อย่างไม่เสื่อมคลาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร ดังนั้นต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งภัยคุกคามรูปแบบเก่าและรูปแบบใหม่ รวมถึงสงครามทางเศรษฐกิจซึ่งจะต้องรับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น โดยเป็นการสานต่อสิ่งที่ พล.อ.เปรม ได้ทำมาโดยตลอด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บ้านเมืองกำลังก้าวไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล จึงต้องเตรียมความพร้อมว่าจะเป็นประชาธิปไตยอย่างไร สิ่งสำคัญคือจะต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล โปร่งใส และเป็นธรรม วันนี้รัฐบาลและ คสช.จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายหลายตัว ซึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจและไม่เข้าใจ แต่จะทำให้วันหน้าดีขึ้น เพราะกฎหมายจะเป็นหลักที่ทำให้เกิดความเท่าเทียม ในเรื่องของโอกาสในการเข้าสู่การดำรงชีวิตและการมีรายได้ ถือเป็นการจัดระเบียบ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่สื่อโซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปมาก มีทั้งดีและไม่ดี จึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ซึ่งหาก คสช.และรัฐบาลใดก็ตามมุ่งแต่จะใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวก็ไม่มีทางสำเร็จได้ เพราะทุกอย่างต้องใช้ความร่วมมือกัน วันนี้รัฐบาลใช้การทำงานแบบประชารัฐเข้ามา ที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ไม่ใช่เรื่องยาก หากคนไทยทุกคนที่มีจิตใจเป็นคนไทยอย่างแท้จริงร่วมมือกันก็จะสำเร็จ เว้นแต่ไม่ใช่คนไทยโดยจิตใจ ซึ่งก็มีอยู่พอสมควร จึงอยากให้ประชาชนทั่วไปสนับสนุนแนวทางต่างๆ และปรับให้เข้ากับสถานการณ์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนเป็นห่วงสุขภาพของ พล.อ.เปรม อยากให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและอยู่กับทุกคนไปตราบนานเท่านาน ซึ่งวันนี้ขออำนวยพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลประทานพรให้ พล.อ.เปรม มีความสุข ความเข้มแข็งและมีสุขภาพแข็งแรงประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ
ด้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่นำผู้บริหารประเทศและผู้บัญชาการเหล่าทัพมาอวยพรในช่วงวันสงกรานต์ พร้อมกับกล่าวชมเชยนายกรัฐมนตรีที่ได้ดำรงความเป็นไทยในโอกาสปีใหม่ของไทย และเดินทางมาอวยพรซึ่งกันและกัน จึงถือเป็นสิ่งที่น่าชมเชยมากและนายกรัฐมนตรีทำได้ดีมากในการรักษาประเพณีของไทยไว้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทยนับถือ จึงขอให้นายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ เพราะนายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นคนไทยที่เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก ตนเองดีใจที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ ที่ถือเป็นตัวอย่างแก่คนในชาติบ้านเมือง ให้เห็นว่าการศึกษาความเป็นไทยนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นสิ่งที่คนไทยต้องยึดถือ
พร้อมกันนี้ได้ฝากให้นายกรัฐมนตรียึดมั่นในคำว่าเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน หากนายกรัฐมนตรีทำเรื่องนี้ได้ ประเทศก็จะมีความสงบสุข โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำประเทศ และมีทุกคนเป็นผู้ช่วย ซึ่งในโอกาสวันสงกรานต์ซึ่งถือเป็นวันดีของประเทศ และขออวยพรให้นายกรัฐมนตรีมีความสุขความเจริญ มีสุขภาพแข็งแรงมีกำลังใจ ที่จะยึดมั่นทำงานให้กับประเทศ ให้ประเทศมีความเจริญก้าวหน้าต่อไปได้ พร้อมกับขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ที่จะช่วยกันเป็นเสาหลักให้กับประเทศ
พล.อ.เปรม กล่าวว่า ต้องขอโทษที่ไม่สามารถให้ทุกคนเข้ารดน้ำได้ ทั้งที่อยากพูดคุยกับทุกคน ซึ่งเห็นว่านายกรัฐมนตรีก็มีภารกิจมาก ขณะที่ตนเองก็ไม่มีเวลามากพอที่จะให้ทุกคนมารดน้ำได้ แต่ในใจของตนเองเป็นเพื่อนกับพวกเราเสมอและเป็นเพื่อนตลอดไป โดยตนเองเป็นเพื่อนกับนายกรัฐมนตรีมาหลายสิบปีและยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ และพยายามเฝ้าดูนายกรัฐมนตรีในการนำพาประเทศให้ประสบความสำเร็จเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม ตนเองมั่นใจในตัวนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทุกคน รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจว่าจะเป็นแรงสนับสนุนที่ดีของนายกรัฐมนตรี ให้นายกรัฐมนตรีสามารถบริหารประเทศให้สำเร็จ ซึ่งตนเองยินดีและภูมิใจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารประเทศ และมีทุกคนเป็นผู้สนับสนุน