พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า คสช.เดินสายดูดนักการเมือง โดยใช้ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นข้อแลกเปลี่ยน โดยยืนยันว่า คสช.ไม่ได้ทำอย่างที่นักการเมืองออกมาให้ข้อมูล เพราะตนไม่ใช่เครื่องดูดอากาศหรือเครื่องดูดฝุ่น ดังนั้นต้องกลับไปมองว่าหากจะกล่าวหาว่ารัฐบาลนี้ และ คสช.จะใช้อำนาจไหนไปบังคับ เพราะเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะตัดสินใจ
พร้อมยืนยันว่า การเตรียมลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ช่วงต้นเดือนพ.ค. ไม่ได้ไปพบนักการเมืองในพื้นที่โดยเฉพาะตระกูลชิดชอบ และไม่อยากให้ใช้คำว่าดูดนักการเมือง แต่ต้องดูที่ผลงานการเมืองของแต่ละคน โดยเฉพาะการดูแลประชาชน การนำความเห็นประชาชนไปสู่รัฐบาล และได้ให้ความสำคัญกับ ส.ส.ในพื้นที่ทุกคนเท่าเทียมกันหรือไม่ เพราะเชื่อว่านักการเมืองทุกคนเข้ามาก็อยากทำเพื่อบ้านเมือง แต่อาจติดที่นโยบายพรรค ซึ่งแนวทางการทำงานรัฐบาลและ คสช. ไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้
"การลงพื้นที่ ครม.สัญจรที่จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นการลงพื้นที่ตามปกติ และไม่ได้นัดพบส่วนตัวกับนักการเมืองกลุ่มไหน และไม่ได้ไปตกลงทางการเมืองกับใครทั้งสิ้น ทั้งนี้หากมีการต้อนรับหรือจะพบกัน ก็เป็นการพบปะกันเช่นเดียวกับพบประชาชนในสถานที่ที่เปิดเผย ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า คสช.สั่งนักธุรกิจกลุ่มใหญ่ห้ามสนับสนุนพรรคการเมืองนั้น ต้องดูที่ข้อกฏหมายว่าทำได้หรือไม่ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปห้าม" นายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งที่ปรึกษานายกฯ เพิ่มเติม และภายหลังจากการตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม เข้ามาเป็นที่ปรึกษาฯ ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องประเด็นทางการเมือง แต่อยากให้เข้ามาดูแลภาคตะวันออก เพราะได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยไม่ได้มุ่งหวังทางการเมืองใดๆ
ทั้งนี้ หากมีการเสนอให้นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมพรรคการเมืองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ตอบรับใคร และยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมกับพรรคใด ซึ่งตนอยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะทำหน้าที่ใดก็ตามต้องอยู่ตรงกลางให้ได้ คือต้องสามารถทำให้ทุกคนมาร่วมกันบริหารประเทศให้ได้ด้วยกลไกประชาธิปไตย และอยากเห็นนักการเมืองดีๆ เข้ามาช่วยทำงานให้กับประเทศ ซึ่งไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็อยากได้คนดี เพราะในที่สุด ส.ส.ก็ต้องลงไปดูแลประชาชนในพื้นที่
ส่วนกรณีนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า คสช. เตรียมสืบทอดอำนาจโดยใช้เงินตั้งพรรคทหารถึง 4,000 ล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการพูดหลายครั้งและหลายประเด็น แล้วก็เงียบหายไป จึงขอให้ไปหาข้อมูลว่าจะเอาเงินมาจากไหน เพราะไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ
"โครงการทุกๆ โครงการมีการตรวจสอบ แล้วจะเอาเงินมาจากไหนได้ ตั้ง 4 หมื่นล้าน แล้วจะเอาเงินจำนวนนี้ไปตั้งพรรคการเมืองหรือ เอาเงินจำนวนนี้ไปดูแลประชาชนไม่ดีกว่าหรือ ถ้าได้เงินมาขนาดนี้ ผมยืนยันและพูดได้ 100% ว่า ผมไม่ได้มีทุจริตใดๆ อะไรทั้งสิ้นในตัวผมเอง แต่ถ้าเป็นในระบบก็ต้องไปว่ากันว่าใครรับผิดชอบ ก็ต้องไปแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลจะดูในภาพรวมและนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาความโปร่งใสในทุกภาคส่วน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูว่าการออกมาพูดแบบนี้ ทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่อย่างไร รวมถึงสื่อสำนักพิมพ์ต่างๆที่นำมาเผยแพร่ด้วย เพราะถ้าเผยแพร่โดยไม่มีหลักฐานก็มี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ดูแลอยู่ จึงขอให้ระมัดระวังกันด้วย เพราะไม่อยากให้ใครเดือดร้อน รัฐบาลไม่ได้ขู่ แต่เตือนให้ทราบ
ส่วนกรณีคลิปเสียงหลุดอ้างไม่เห็นด้วยกับ 14 รายชื่อผู้สมัครกสทช.นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องดังกล่าว โดยได้ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปสอบสวนหาผู้ที่เผยแพร่คลิปดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งให้มีการจัดระเบียบบุคลากรในสภาฯ ให้ดีขึ้น เพราะอาจจะมีบางคนหมดหน้าที่ไปแล้ว แต่ยังทำงานอยู่ในสภาฯ จึงมีโอกาสทำให้ข้อมูลรั่วไหลได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ตนเอง เพราะรู้ตัวเองดีว่าทำหรือไม่ทำ เมื่อมั่นใจว่าไม่ได้ทำก็ไม่ต้องกังวล โดยนายกรัฐมนตรี เปรียบเปรยเรื่องนี้ว่า คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ จะมีใครรักผมบ้างหรือไม่ ไม่มี 100%