ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร ยื่นฟ้อง อธิบดีกรมการกงสุล กับพวกรวม 2 คน กรณีมีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอ้างว่าคำสัมภาษณ์ของผู้ฟ้องคดีบางส่วนที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศไทย ประกอบกับอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนผู้ฟ้องคดีเพื่อดำเนินคดีอาญา
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีอำนาจตามกฎหมายในการออกคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสองฉบับของผู้ฟ้องคดี ซึ่งการออกคำสั่งดังกล่าวถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติและถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญของการกระทำนั้น รวมทั้งได้ใช้ดุลพินิจในการออกคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสองฉบับของผู้ฟ้องคดีโดยชอบมิได้เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ยกเลิกหนังสือเดินทางทั้งสองฉบับของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลไม่อาจมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง
นอกจากนี้ ศาลปกครองกลางยังนัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีนายจาตุรนต์ ฉายแสง ยื่นฟ้อง กระทรวงการต่างประเทศ กับพวกรวม 7 คน กรณีมีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน โดยอ้างว่าผู้ฟ้องคดีเป็นบุคคลที่มีหมายจับและเดินทางไปต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายจาตุรนต์ เคยถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห้ามเดินทางออกต่างประเทศ ยกเว้นได้รับอนุญาตจาก คสช. แต่หลังจากนั้น คสช.ได้อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง ซึ่งนายจาตุรนต์ได้เดินทางกลับมาตามกำหนด และไม่พบพฤติการณ์หลบหนี
นอกจากนั้นยังไม่ปรากฏว่ากระทรวงการต่างประเทศและพวกได้ใช้มาตรการยกเลิกหนังสือเดินทางกับบุคคลอื่นที่มีพฤติการณ์ในคดีฝ่าฝืนคำสั่งของ คสช.และเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาตามมาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญาเช่นเดียวกันกับนายจาตุรนต์ กรณีจึงถือได้ว่าเป็นการใช้ดุลพินิจในการออกคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม จึงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ โดยให้มีผลย้อนหลังไปนับแต่วันที่มีคำสั่งยกเลิก