ในวันนี้(1 พ.ค.61) ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทาง
ทั้งนี้นายจาตุรนต์ ฉายแสง ฟ้องกระทรวงการต่างประเทศกับพวกรวม 7 คน ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีหนังสือขอให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ โดยระบุว่าหนังสือเดินทางเป็นเอกสารสำคัญที่ผู้ต้องหาใช้ในการเดินทางไปประเทศต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการสืบหา อันเป็นการอ้างว่านายจาตุรนต์จะหลบหนีการดำเนินคดีอาญาไปต่างประเทศ
แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่าตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีประกาศห้ามผู้ฟ้องคดีเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายจาตุรนต์ถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนประกาศหรือคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กับมาตรา ๑๑๖ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งศาลทหารกรุงเทพได้มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามผู้ฟ้องคดีเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อห้ามของศาลแต่อย่างใด แต่ในทางตรงกันข้าม นายจาตุรนต์ได้รับอนุญาตและอนุมัติจากศาลทหารกรุงเทพและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรหลายครั้ง ซึ่งนายจาตุรนต์ก็ได้เดินทางกลับมาทุกครั้ง กรณีจึงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าผู้ฟ้องคดีไม่ได้มีพฤติการณ์จะหลบหนีไปต่างประเทศ
นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ถูกฟ้องคดีอาญาต่อศาลทหารกรุงเทพ ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจึงเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาว่าสมควรยกเลิกหนังสือเดินทางหรือไม่ แต่ศาลทหารกรุงเทพก็ไม่ได้มีคำสั่งใด ๆ ในกรณีนี้แต่อย่างใด และการยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ได้ดำเนินการหลังจากผู้ฟ้องคดีได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ข้ออ้างที่ปรากฏในหนังสือที่ขอให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์จึงไม่มีเหตุผลสนับสนุนอย่างเพียงพอ คำสั่งของกรมการกงสุลโดยอธิบดีกรมการกงสุลที่ยกเลิกหนังสือเดินทางของผู้ฟ้องคดีตามเหตุผลในหนังสือของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย