ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีนายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกาเป็นประธานคณะ ได้มีมติเลือกผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต. ตามมาตรา 8 (1) แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. จำนวน 5 คน หลังจากที่เรียกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม 24 คนแสดงวิสัยทัศน์
บุคคลที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต. ทั้ง 5 ดังกล่าว เป็นผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงถึง 2 ใน 3 ของคณะกรรมการสรรหาฯ 7 คน ตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.ประกอบรับธรรมนูญว่าด้วย กกต. ประกอบด้วย 1.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, 2.นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 3.นายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา และกรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์, 4.นายพีรศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์, จ.ปทุมธานี, จ.ระนอง, จ.ชุมพร และ จ.นครศรีธรรมราช และ 5.นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)
ขณะที่ บุคคลซึ่งได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จำนวน 2 คน ได้แก่ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และนายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งเป็นบุคคลรายเดิมที่สนช. เคยลงมติไม่ให้ความเห็นชอบในการเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็น กกต. รอบที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี หลังจากที่คณะกรรมการสรรหาฯ ได้เสนอชื่อทั้งหมดต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. แล้ว จะต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) เพื่อบรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุม เบื้องต้นคาดว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่วาระประชุม สนช.วันที่ 10 พ.ค.นี้ และเมื่อเข้าสู่ที่ประชุมแล้วจะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ก่อนจะนำกลับมาให้ที่ประชุม สนช. ลงมติว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ต่อไป