พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2561 โดยมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นเจ้าภาพว่า ได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานโดยเฉพาะด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุด รองรับการพัฒนาทั้งในส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในลักษณะประชารัฐ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดจากงานหลายๆด้านที่ทำมาแล้ว เช่น โครงการเน็ตประชารัฐ รวมถึงการต่อยอดโครงการสำคัญด้านดิจิทัล โดยเฉพาะการจัดทำฐานข้อมูลกลาง โครงการบรอดแบนด์เชื่อมภูมิภาคอาเซียนและเชื่อมโลก
ที่สำคัญต้องอำนวยความสะดวก ลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน เช่น การเลิกใช้สำเนาบัตรประชาชน และรองรับการให้บริการประชาชนจากภาครัฐ และบริการตั๋วร่วมสำหรับการเดินทางสาธารณะ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่า การทำงานของภาครัฐที่ต้องลดความขัดแย้งกับภาคเอกชน ด้วยการหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน และต้องใช้เทคโนโลยีเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนที่สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น โครงการไทยนิยม พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมทำงานให้เกิดความสำเร็จเป็นรูปธรรมให้ได้มากที่สุด (Quick-win) ให้ได้ก่อนเลือกตั้ง และฝากให้ทุกหน่วยงานเข้มงวดไม่ให้เกิดการทุจริตในทุกโครงการ
ด้านนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ได้เสนอนายกรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่ย่านบางรักตั้งแต่สะพานตากสิน สาทร บางรัก ไปถึงชุมชนตลาดน้อย เป็นพื้นที่เพื่อการสร้างสรรค์ หรือ Creative Area โดยส่งเสริมให้มีการเปิดพื้นที่สำหรับนักพัฒนาได้มาใช้เพื่อการพัฒนานวัตกรรม (Co Working Space) และทำการตกลงเพื่อความร่วมมือทางธุรกิจ โดยอาจพัฒนาอาคารหรือส่งเสริมให้มีการลงทุนทำ Co Working Space ในพื้นที่นี้ โดยกลุ่มเป้าหมายที่จะมาใช้พื้นที่คือบริษัทสตาร์ทอัพและนักพัฒนา ประกอบกับ บมจ.กสท โทรคมนาคม (กสท.) ได้ตั้ง Regulatory Sandbox หรือศูนย์ทดสอบและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ในพื้นที่อาคารกสทโทรคมนาคมจึงเป็นโอกาสดี ที่จะดึงดูดและส่งเสริมให้นักพัฒนาและสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ได้เข้ามาใช้ทรัพยากรและพื้นที่ของกสท.ในการทดสอบนวัตกรรม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับทราบแนวคิดดังกล่าว