พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง Mr. Aloysio Nunes Ferreira Filho รมว.ต่างประเทศแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต้อนรับ รมว.ต่างประเทศบราซิลในนามรัฐบาลและประชาชนไทย ที่ได้รับมอบหมายจากนายมิเชล เตเมร์ ประธานาธิบดีบราซิล ให้เดินทางมาเยือนไทย ซึ่งนับเป็นการเยือนไทยของ รมว.ต่างประเทศบราซิลครั้งแรกในรอบ 21 ปี และขอฝากความระลึกถึงและความเคารพไปยังประธานาธิบดีบราซิลด้วย
โอกาสนี้ รมว.ต่างประเทศบราซิลได้มอบสารจากประธานาธิบดีบราซิล แสดงความเสียใจที่ไม่สามารถมาเยือนประเทศไทยตามกำหนดการเดิม คือ ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 ได้ เนื่องจากประธานาธิบดีบราซิลติดภารกิจในการดำเนินการปฏิรูปภายในประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีแสดงความเข้าใจ และหวังว่าประธานาธิบดีบราซิลจะเดินทางเยือนประเทศไทยในโอกาสแรกที่สะดวก โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมต้อนรับประธานาธิบดีบราซิลตลอดเวลา
นายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศบราซิล ต่างแสดงความยินดีที่ไทยและบราซิลมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรและราบรื่นมาโดยตลอด มีความร่วมมือทั้งด้านการค้า การลงทุน การทหาร พลังงาน การเกษตร ทั้งสองฝ่ายต่างมีพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่น่าพึงพอใจ รวมทั้งมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประเพณี และการท่องเที่ยวซึ่งมีความโดดเด่น
โดย รมว.ต่างประเทศบราซิล กล่าวว่า ทั้งสองประเทศยังเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และสามารถเป็นประตูสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคซึ่งกันและกันได้ นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองจะครบ 60 ปีในปี 2562 ซึ่งตรงกับปีที่ไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ทั้งสองประเทศจะใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ
ทั้งสองฝ่ายยังยินดีที่นักลงทุนของไทยและบราซิลต่างสนใจเข้าไปลงทุนซึ่งกันและกัน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณที่บราซิลดูแลและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนไทยเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าโอกาสการลงทุนของบราซิลในไทยยังมีอีกมาก อาทิ นวัตกรรมอาหาร เศรษฐกิจชีวภาพ ปิโตรเคมีชั้นสูง และอากาศยาน ซึ่งเป็นสาขาที่บราซิลมีความเชี่ยวชาญ จึงเชิญชวนบราซิลให้มาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงพิจารณาการตั้งศูนย์การซ่อมบำรุงอากาศยานในพื้นที่ EEC โดยบราซิลสามารถใช้ไทยเป็นศูนย์กลางในการเข้าไปลงทุนในประเทศอื่นๆ ของอาเซียนได้
นายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศบราซิลยินดีที่นักท่องเที่ยวจากไทยและบราซิลเดินทางไปท่องเที่ยวซึ่งกันและกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 บราซิลเป็นประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกาที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยมากที่สุด ถึง 83,000 คน ทั้งสองฝ่ายยินดีร่วมมือกันเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและส่งเสริมการท่องเที่ยว และส่งเสริมให้จำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวประทับใจบราซิลที่สามารถรักษาป่าอะเมซอนได้อย่างสมบูรณ์และมีคุณค่ายิ่งสำหรับชาวโลกจนได้รับการขนานนามว่า "ปอดของโลก" และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวัฒนธรรม ประเพณีของทั้งสองประเทศที่มีความแตกต่างและห่างไกลกัน จะเป็นจุดเชื่อมโยงในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เติบโตยิ่งขึ้นในอนาคต