ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้จำคุก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อเมื่อปี 2556 เป็นเวลา 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 9 ธ.ค.56 เนื่องจากจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
คดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในขณะนั้นจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน และจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตาม พ.ร.บประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 และ 119
วันนี้เป็นการนัดพิจารณาคดีนัดแรก นายชูวิทย์เดินทางมาศาลพร้อมคนสนิท องค์คณะผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์และสอบถามว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งนายชูวิทย์แถลงให้การรับสารภาพ ศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การพิจารณาแล้วไม่จำเป็นต้องไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาอีก
โดยศาลฎีกาฯ พิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 9 ธ.ค.56 ที่พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ครั้งที่ 2 และให้จำคุก 2 เดือน แต่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน แต่จำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหาเคยรับโทษจำคุกเกิน 6 เดือน ไม่ใช่คดีหมิ่นประมาทหรือลหุโทษ และพ้นโทษมาไม่เกิน 5 ปี จึงไม่อาจรอการลงโทษได้