ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย เป็นประธาน ได้ลงคะแนนลับในการเลือกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามรายชื่อที่ผ่านการสรรหาจากคณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยผลการลงคะแนนพบว่ามี 5 คนที่ได้รับคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิก สนช. ให้ดำรงตำแหน่ง กกต.ชุดใหม่ คือ
1.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ นักวิชาการสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
2.นายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา และกรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
3.นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)
4.นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
5.นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา
ส่วนอีก 2 คน ที่ไม่ผ่านความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่ง กกต. เนื่องจากได้คะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิก สนช. คือ 1.นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ 2.นายพีรศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชาย และนายพีรศักดิ์ ไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม สนช.ให้ดำรงตำแหน่ง กกต.นั้น เนื่องจาก สนช.ส่วนใหญ่กังวลกับปัญหาคดีความของนายสมชายที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ กกต.และหากศาลตัดสินว่ามีความผิด อาจต้องเสียเวลาสรรหา กกต.ใหม่ในอนาคตด้วย ขณะที่นายพีระศักดิ์ ถูกร้องเรียนเรื่องความไม่เป็นกลางทางการเมือง
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ ว่าที่ กกต.ใหม่ทั้ง 5 คน จะต้องลาออกจากงานทุกประเภทที่มีลักษณะต้องห้าม ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบ ก่อนที่จะนำหลักฐานมายื่นต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา พร้อมกับนัดประชุมเพื่อเลือกตำแหน่งประธาน กกต.จากนั้นจึงจะนำรายชื่อประธาน กกต.และว่าที่ กกต.ใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ ในคราวเดียวกัน และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีในวันถัดจากวันที่ลงพระปรมาภิไธย
ส่วน กกต.อีก 2 ตำแหน่งที่ขาดไปนั้น จะต้องเริ่มต้นกระบวนการสรรหาใหม่ในส่วนที่ขาด หรืออาจใช้วิธีการทาบทามบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ตามที่กฎหมายเปิดช่องไว้ได้