คมนาคม เสนอครม.อนุมัติสร้างโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ/คลัง เสนอมาตรการพักหนี้เกษตรกร

ข่าวการเมือง Tuesday July 31, 2018 10:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมตามปกติ สำหรับวาระการประชุมที่น่าสนใจ ได้แก่ กระทรวงคมนาคม เสนอขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ระยะทาง 326 กิโลเมตร มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท

กระทรวงคลัง เสนอมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรที่มีหนี้เงินต้นไม่เกิน 300,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อเริ่มดำเนินโครงการวันที่ 1 ส.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีเกษตรกรเข้าหลักเกณฑ์จำนวนกว่า 3 ล้านราย

สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวทางพระราชดำริ ประจำเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2561

นอกจากนี้ คาดว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะรายงานความคืบหน้าการให้ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยดินถล่มที่ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน พร้อมหารือถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาต่อไป ตลอดจนหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับแหล่งที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของประชาชนผู้ประสบภัย

และกระทรวงการต่างประเทศจะรายงานความคืบหน้าถึงการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ติดอยู่ในบริเวณภูเขาไฟรินจานี เกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งล่าสุดได้ทยอยเดินทางลงมาถึงด้านล่างของภูเขาฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยแล้ว คาดว่าอาจทยอยลงมาครบหมดทุกกลุ่มวันนี้ โดยไม่มีรายงานชาวไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้นำตัวอย่างผลงานนวัตกรรมทางสังคม เทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาสังคมและประชาชนกลุ่มเป้าหมาย มาจัดแสดงให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เยี่ยมชม เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานมหกรรม Thailand Social Expo 2018 โดยนายกรัฐมนตรีได้ชมรถเข็นที่คิดค้นโดยเยาวชนไทย พร้อมให้แนวคิดในการต่อยอดและพัฒนางานให้ใช้ได้จริงและตีตราประเทศไทย เพื่อให้ทุกคนได้นำไปใช้

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมผลงานโครงการประชารัฐ โดยคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่มีพล.อ.อนพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นหัวหน้าทีมภาครัฐ และมีภาคเอกชนร่วมในโครงการนี้ ซึ่งได้มีการนำผลิตภัณฑ์ มาจัดแสดงโชว์ เช่น กระเป๋าจากผ้าขาวม้า ขนม จากกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการพัฒนา 3,985 กลุ่ม มีผู้ได้รับประโยชน์ กว่า 5 แสนคน มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการดำเนิโครงการประชารัฐที่ให้ภาคเอกชนมามีส่วนร่วมไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ภาคเอกชนเข้ามาเพื่อเพิ่มมูลค่าทางด้านการเกษตรและ หาช่องทางตลาดให้กับประชาชน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ