หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พปช.วางยุทธศาสตร์เร่งด่วนรับมือ"เผาจริง"ปี 51

ข่าวการเมือง Tuesday December 18, 2007 12:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชาชน(พปช.) เปิดแผนยุทธศาสตร์ระยะสั้นฟื้นเศรษฐกิจชาติอย่างเร่งด่วนรับมือปี"เผาจริง" หวังโกยรายได้ท่องเที่ยวให้มากที่สุด พร้อมไปกับการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ตามหลักการรายได้หลักเพิ่ม 4 เท่า รายจ่ายหลักลดลง 4 เท่า เล็งทบทวนงบประมาณจัดสรรสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลใหม่
ชูแนวทางพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน จัดทีมเฉพาะกิจเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศทุกไตรมาส นำหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชนพบกองทุนต่างประทศ แย้มแผนไม่ใช้การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่มีแนวทางเข้าตลาดหลักทรัพย์ดันมาร์เก็ตแคปพุ่งทะยาน
"ทุกคนบอกว่าเศรษฐกิจปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง เราบอกเลยต้องใช้ยุทธศาสตร์ระยะสั้น 1 ปี เพื่อให้เกิด impact immediately" นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรค พปช.ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"
"รอบนี้เอเชียกำลังร่ำรวย โชคไม่ดีของไทย ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม บรูไน มีใครไม่รวย ยกเว้นไทย...คำถามคือจะเว้นประเทศไทยไว้นานเท่าไร เพราะเราบริหารจัดการไม่ดี ทั้งๆที่คุณอยู่ในทำเลแผ่นดินทองหรือสุวรรณภุมิ ทุกอย่างอยู่ที่การบริหารจัดการ" นายมิ่งขวัญ กล่าว
*แผนเร่งด่วนชูเทศกาลหลักโกยรายได้ท่องเที่ยว-ดึงค่ายรถยนต์ร่วมผลักดันพลังงานทดแทน
นายมิ่งขวัญ เปิดแผนงานเร่งด่วนของพรรค พปช.ด้านท่องเที่ยวจะผลักดันให้งานสงกรานต์และลอยกระทงเป็นเทศกาลหลักของประเทศในปีปฏิทินโลกเช่นเดียวกับงานคาร์นิวัลของบราซิล งานเทศกาลสู้วัวกระทิงของสเปน หรืองานเทศกาลฤดูหนาวของญี่ปุ่น พร้อมกับการโปรโมทประเทศในรูปแบบต่างๆ ให้ไปสู่สายตาชาวต่างชาติ ยกตัวอย่างเช่นร่วมมือกับค่ายภาพยนตร์ระดับโลกสร้างภาพยนตร์จากวรรณคดีไทยเรื่อง"พระอภัยมณี"
จัดงานเทศกาลใหม่ๆ เช่น ถนนกากบาท shop 7 วัน 7 คืน out of season ด้วยการร่วมมือกับสายการบินต่างๆ นำนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาร่วมงาน โดยจะปิดถนนตั้งแต่แยกมาบุญครองไปถึงห้างเกษรพลาซา และแยกถนนสีลม-ประตูน้ำ เพื่อนำสินค้าแบรนด์ดังของไทยทุกแบรนด์มาออกร้านขาย และยกระดับมาตรฐานสินค้าโอทอปที่เป็นสัญลักษณ์ประเทศ เช่น เบญจรงค์ หนังจระเข้ เปลือกไข่นกกระจอกเทศ
"เราต้องหาทุกช่องทางพื่อหารายได้เข้าสู่ประเทศไทยให้เร็วที่สุดและง่ายที่สุดคือการท่องเที่ยว เรามีสนามบินสุวรรณภูมิที่รับนักท่องเที่ยวได้ถึง 45 ล้านคนมีโอกาสทำรายได้จากการท่องเที่ยวได้ถึงปีละ 1.5 ล้านล้านบาท"
"ต้องกลับมาดูว่า(งบ)อะไรจำเป็น อะไรไม่จำเป็น เช่น เรื่องการท่องเที่ยว เราเอากุ้งฝอยไปตกปลากะพง เราอาจจะเพิ่มงบประมาณเป็น 8 พันล้านบาท รายได้อาจจะขึ้นมาไม่ได้ทันทีเป็น 7 แสนล้านบาท แต่อาจจะขึ้นมาเป็น 5 แสนล้านบาทก่อน ก็ยังคุ้มค่าการลงทุน" นายมิ่งขวัญ กล่าว
ด้านแผนเร่งด่วนลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน จะมีการวางยุทธศาสตร์ประเทศอย่างชัดเจนและหารือกับผู้ผลิตรถยนต์เพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างจริงจังในการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทนออกมาจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นไบโอดีเซล แก๊สโซฮอลล์ ที่มีส่วนผสมของพลังงานทดแทนในอัตราสูง ซึ่งในต่างประเทศมีการผลิตในระดับ 100% แล้ว รวมทั้งหาแนวทางการปรับมาใช้ก๊าซธรรมชาติที่หาได้จากภายในประเทศให้ได้มากที่สุด
*พัฒนาตลาดทุน-ตลาดตราสาร-ดึง FDI
นายมิ่งขวัญ ยังนำเสนอแผนดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนทั้งในตลาดหลักทรัพย์และตลาดตราสารหนี้ รวมทั้งการเข้ามาลงทุนโดยตรงทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งใช้วัตถุดิบในประเทศมากที่สุด
การลงทุนของต่างประเทศจะผ่านตลาดหลักทรัพย์น่าจะทำให้ได้ดี เพราะตลาดหุ้นบ้านเรายังน่าลงทุน ค่าพี/อียังต่ำทำให้เกิดความเฟื่องฟูมหาศาล ขณะเดียวกันในด้านตลาดตราสารหนี้ก็จะกระตุ้นให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และหน่วยงานรัฐออกพันธบัตรอย่างสม่ำเสมอ
"เราให้ความสำคัญ เพราะผลลัพธ์ เงินทุน เทคโนโลยี การค้า และมีงานทำ ถ้าพวกนี้เข้ามา เราจะ Happy มาก ด้วยการหารายได้เข้าประเทศ" นายมิ่งขวัญ กล่าว
ในด้านตลาดทุน จะมีการตั้งทีม International Roadshow ในลักษณะทีมประเทศไทยนำรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนออกโรดโชว์กับกองทุนต่างประเทศทุกไตรมาส ยึดนโยบายรักษาเสถียรภาพและอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท พร้อมดูแลธุรกิจส่งออกและนำเข้า เพิ่มประเทศคู่ค้าใหม่ทางเศรษฐกิจ ผลักดันให้เป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่(New Economy Country)
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า พรรคไม่มีนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่มีแนวทางที่จะนำกิจการเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นแนวทางใด แต่จะทำให้ตลาดหุ้นมีมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นอย่างมาก
"ไม่แปรรูป(รัฐวิสาหกิจ) แต่ตลาดหลักทรัพย์จะโตมหาศาล" นายมิ่งขวัญ กล่าว
*ประชานิยมต้นตำรับ+ประชานิยมสูตรพิเศษ+เชื่อมโยง ศก.โลก
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พปช.กล่าวว่า พรรคจะเดินหน้านโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดเดิม แต่จะนำมาปรับปรุงจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นและสนับสนุนจุดเด่น ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค,ธนาคารประชาชน,กองทุนหมู่บ้าน,ให้ทุนเรียนก่อนผ่อนทีหลัง,SML,SME,สินค้า OTOP รวมทั้งหวยบนดิน
ขณะเดียวกันก็จะผลักดันโครงการใหม่ ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์กลางทางการแพทย์และการผลิตยาของโลก ที่ประกอบด้วยเมืองโรงพยาบาล เมืองมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ และเมืองอุตสาหกรรมยา, โครงการรถไฟฟ้า 5 ระบบ ประกอบด้วย รถไฟ รฟท. รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าใต้ดิน 10 สาย รถไฟวงแหวนรอบเมือง และ รถไฟก้างปลาเชื่อมจังหวัดที่จะช่วยพัฒนาระบบ logistic ขนส่งสินค้าเกษตรไปยัง air cargo
การยกระดับคุณภาพชีวิตปัจจัย 4 ด้วยการพัฒนาที่อยู่อาศัยคนเมืองที่มีภาระผ่อนชำระ 1,500 บาท/เดือนในลักษณะ cluster ตามแนวรถไฟฟ้าวงแหวนรอบเมือง มีค่าอาหาร 20 บาท/มื้อด้วยการระดมร้านค้าสหกรณ์ ร้านอาหารราคาถูกมาอยู่ใน cluster มีเครื่องนุ่งห่มคุณภาพส่งออกราคาโบ๊เบ๊ และรักษาทุกโรค 30 บาทได้จริง ซึ่งโครงการเหล่านี้บางโครงการก็ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณรัฐบาล
นายมิ่งขวัญ มองว่า พรรคมีนโยบายการเชื่อมโยงระบบทุน เศรษฐกิจ การเงิน และอุตสาหกรรมระหว่างชาติ โดยอาศัยความร่วมมือระดับ FTA ทั้ง AFTA,JTEPA เป็นโอกาสในการดึงนักลงทุนญี่ปุ่น และจีน จะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น และทุกอย่างจะเกิดการเคลื่อนย้ายอุตสาหกรรมครั้งใหญ่สู่ไทย เงินทุนโรงงาน การจ้างงาน ตลาด 125 ล้านคนจะเป็นของคนไทย
ขณะนี้ กลุ่มประเทศอาเซียน-อาฟต้า รวมกัน 10 ประเทศที่มีประชากรกว่า 500 ล้านคน แน่นอนย่อมเป็นสนใจของต่างประเทศ ได้แก่ จีน ที่มองไทยเป็นประตูเข้าสู่ตลาดอาเซียน-อาฟต้า ขณะเดียวกันส่งออกจากไทยไปญี่ปุ่นไม่ต้องเสียภาษี คิดให้ดี อุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้เวลาแล้ว ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นทุนจากญี่ปุ่นจะไหลเข้ามาที่ไทย เพราะต้องแข่งกับจีน
"ประเด็นนี้เป็นประเด็นสำคัญ เรากำลังจะเปิดให้ทุนต่างชาติเข้ามา ใครบอกว่าเราตายจริงในปีหน้า จริงแต่มีข้อยกเว้น แต่ถ้าเราเปิดให้ระดมทุนจาก 4 ชาติ ญี่ปุ่น จีน อินเดีย สิงคโปร์ สิ่งที่เห็นๆอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่ทำวันนี้ แสดงว่าคนไทยโง่ เราไม่เห็นโอกาสทำธุรกิจ" นายมิ่งขวัญ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ