พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมการทำงานของเรือผลักดันน้ำในพื้นที่อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ท้ายน้ำของแม่น้ำเพชรบุรีเพื่อเร่งผลักดันน้ำลงสู่ทะเลว่า ที่ผ่านมาได้มีการพร่องน้ำจากเขื่อนแก่งกระจานออกไปแล้วกว่า 42% แต่มีปริมาณน้ำเพิ่มเติมจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่รัฐบาลก็ได้วางมาตรการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ไว้แล้ว
ทั้งนี้ รัฐบาลคงไม่ระบายน้ำออกไปทั้งหมด เพราะจำเป็นต้องวางแผนบริหารจัดการน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งด้วย ขณะเดียวกันการระบายน้ำจะต้องคำนึงถึงผลกระทบของพื้นที่ท้ายน้ำด้วย ซึ่งการมองแบบนี้ถือเป็นการบริหารจัดการการระบายน้ำในภาพรวมของประเทศ ขณะที่มาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนยืนยันว่าได้วางมาตรการไว้ทั้งหมดแล้วครอบคลุมทุกมิติ
โดยในวันนี้ได้มาติดตามโครงการที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณกว่า 300 ล้านบาทในการขุดคลอง D9 เพื่อเสริมประสิทธิภาพการระบายน้ำ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการช่วยระบายน้ำ และลดผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีได้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยดำเนินการมาก่อน
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 คลองที่อยู่ในแผนการบริหารจัดการน้ำและได้ดำเนินการออกแบบไปแล้ว แต่ยังติดปัญหาเพราะที่ดินของประชาชน หากยังไม่สามารถตกลงกันได้ก็จะเกิดปัญหาในการดำเนินการซ้ำซาก จึงขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดกับภาพรวมให้มากที่สุด ซึ่งนอกจากเรื่องน้ำแล้วอยากขอความร่วมมือประชาชนในเรื่องปัญหาขยะ และเรื่องของผักตบชวาที่ส่งผลต่อการระบายน้ำ ซึ่งหากทุกคนช่วยกันคนละไม้ละมือปัญหาก็จะคลี่คลายลง โดยจะต้องสร้างแนวทางการบริหารจัดการที่ชัดเจนและคำนึงถึงผลประโยชน์ของภาพรวม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มาเพื่อให้กำลังใจทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลทุกอย่างอย่างดีที่สุด ที่สำคัญวันนี้สถานการณ์ยังไม่เกิด แต่การนำเสนอข่าวบางครั้งอาจจะกระทบจังหวัดเพชรบุรี และขอให้เข้าใจการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพราะเป็นไปด้วยความยากลำบากและต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ
นายกรัฐมนตรี กล่าว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่มาทำงานทางการเมืองเพื่อดูแลความเดือดร้อนของประชาชน และที่สำคัญตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ได้ทุกที่ ซึ่งคนที่จะเป็นรัฐบาลในวันข้างหน้าจะต้องทำให้ได้เหมือนตนเอง ส่วนประชาชนจะเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกหนึ่งสมัยนั้นไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้นเพราะชินแล้ว ถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนจะตัดสินใจไปอยู่กับพรรคการเมืองใดนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าขอไปพักผ่อน และปฏิเสธที่จะตอบว่าจะให้ความชัดเจนว่าจะลงเล่นการเมืองเมื่อใด