ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย กรณีอนุมัติให้กระทรวงการคลังเข้าบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) โดยมิชอบ หลังไต่สวนพยานเสร็จสิ้น
กรณีดังกล่าว ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดจำเลยเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ขณะที่ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รมว.คลัง ได้นำเรื่องที่จะให้กระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ TPI ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน จำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรีทราบดีอยู่แล้วว่ากระทรวงการคลังเป็นส่วนราชการมีอำนาจหน้าที่เฉพาะตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2542 ไม่มีอำนาจเข้าไปบริหารกิจการของบริษัทเอกชน แต่จำเลยกลับเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ TPI อีกทั้งยังได้เสนอรายชื่อรายชื่อบุคคลเข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ด้วย ต่อมา ร.อ.สุชาติ ได้แจ้งไปยังสำนักฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ยินยอมให้กระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ของ TPI และแจ้งรายชื่อตามที่จำเลยได้ให้ความเห็นชอบแล้ว เป็นผลให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2546 ให้กระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อระบบราชการ
คดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 ศาลได้นัดไต่สวนพยานโจทก์ 3 ครั้ง คือ วันที่ 10 สิงหาคม, 14 สิงหาคม และ 21 สิงหาคม 2561 โดยโจทก์นำพยานเข้าไต่สวนรวม 6 ปาก โดยได้ไต่สวนพยานโจทก์ในวันนี้เป็นนัดสุดท้าย ส่วนฝ่ายจำเลยไม่ได้ตั้งทนายมาซักค้าน ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 สิงหาคม 2561 เวลา 09.00 น.