นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT แถลงข่าว "7 ปี องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)" ว่า ตลอด 7 ปี ที่องค์กรและภาคีเครือข่ายได้ผนึกกำลังต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน สร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยหลายประการ รวมทั้งช่วยปลุกกระแสให้เห็นถึงความเลวร้ายของการโกงชาติ และได้ร่วมผลักดันให้เกิดกฎหมาย เปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรมและระบบราชการ ที่รวดเร็ว เอื้อต่อการต้านโกงและเอาผิดคนโกง ที่สำคัญคือ ทำให้คนไทยไม่ยอมทน กล้าออกมาเปิดโปงการทุจริตและการโกงมากขึ้น
ผลจากการที่องค์กรและภาคีเครือข่าย ร่วมผลักดันกฎหมาย อย่าง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ. 2560 กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐผ่านโครงการข้อตกลงคุณธรรม นับตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน พบว่าในโครงการข้อตกลงคุณธรรม มีหน่วยงานเข้าร่วม 73 โครงการ มูลค่ารวม 875,428 ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้ว จำนวน 45 โครงการ มูลค่ารวม 103,839 ล้านบาท ช่วยประหยัดงบประมาณให้รัฐได้สูงถึง 25,128 ล้านบาท คิดเป็น 24.20% นับเป็นความสำเร็จ ที่เกิดจากทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันทำให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้างเกิดความโปร่งใสยุติธรรม และมีการแข่งขันมากขึ้น "องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่าย ยังมีความมุ่งมั่น ที่จะต่อสู้ต่อไป สิ่งที่เราต้องพยายามอย่างต่อเนื่อง คือ ทำให้กฎหมายและระบบราชการดีๆ ที่องค์กรและภาคีเครือข่ายร่วมกับรัฐบาลผลักดันมา ได้มีการบังคับใช้อย่างจริงจังเป็นธรรม"
ด้านนายวิเชียร พงศธร รองประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวถึง ก้าวต่อจากนี้ไป ในปี 2561 ว่า องค์กรและภาคีเครือข่าย จะยังคงเดินหน้าติดตามหลายประเด็นคอร์รัปชันที่ยังไม่บรรลุผล อาทิ การผลักดันเรื่องการปฏิรูปราชการ ตำรวจ และกฎหมายที่ล้าสมัย, การติดตามโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่สำคัญๆ และการพัฒนาการดำเนินงานต่อต้านคอร์รัปชันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ Big Data & Analytics มาใช้ในการตรวจสอบที่เข้มข้นมากขึ้น และพัฒนาระบบนิเวศสร้างค่านิยมต่อต้านคอร์รัปชันในเด็ก ในสื่อ ภาคธุรกิจ และประชาสังคมต่อไป