(เพิ่มเติม) "สมัคร"ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ เชิญทุกพรรคร่วมตั้งรัฐบาลราว 300 เสียง

          นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.) ประกาศพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี และเตรียมจัดตั้งรัฐบาลผสมที่มีเสียงสนับสนุนราว 300 เสียง โดยเชิญชวนให้พรรคการเมืองทุกพรรคเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป หลังจากที่ประเมินผลล่าสุดพรรค พปช.น่าจะได้รับเลือกตั้ง 229-230 เสียง จากเสียง ส.ส.ทั้งหมด 480 เสียง
          "ผมมีความพร้อมเป็นนายกฯ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เป็นนายกฯ เนื่องจากพรรคผมได้เป็นพรรคเสียงข้างมาก" นายสมัคร ประกาศในการแถลงข่าว 
          นายสมัคร กล่าวว่า ชัยชนะของพรรค พปช.ครั้งนี้เป็นแสดงให้เห็นว่าการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.49 เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เมื่อคนไทยต้องรอมา 15 เดือนกว่าจะได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้งว่าสิ่งที่เคยโต้แย้งและขัดแย้งก่อนหน้านี้มีคำตอบเป็นอย่างไร 
          "ขอบคุณทุกท่านที่เลือกพรรคพลังประชาชนเพื่อให้คนไทยและคนทั้งโลกรับทราบว่าสิ่งที่ได้โต้แย้งและขัดแย้งกันแต่เดิมว่าเขาคิดอย่างไรกับพรรคการเมืองพรรคนี้ และการขัดแย้งครั้งนี้" นายสมัคร กล่าว 
          นายสมัคร กล่าวว่า ขณะนี้ได้เจรจากับพรรคการเมืองบางพรรคเพื่อจัดตั้งรัฐบาลไปบ้างแล้ว และพร้อมเปิดรับทุกพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากทุกคนเป็นเพื่อนในสภาที่เห็นกันมานาน แม้ว่ายังต้องรอผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ก็เชื่อว่าน่าจะมีพรรคการเมืองเข้ามาร่วมรัฐบาลราว 3-4 พรรค และมีเสียงสนับสนุนประมาณ 280-300 เสียง เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ซึ่งจะไม่ใช่รัฐบาลแห่งชาติ เพราะยังมีฝ่ายค้านทำหน้าที่อยู่ 
          ส่วนกรณีที่พรรคอันดับ 2 อาจจะตั้งรัฐบาลแข่งนั้น นายสมัคร กล่าวว่า หากไม่อายก็ทำไป เพราะขณะนี้มีทั้งสื่อมวลชนไทยและต่างชาติก็รับรู้ผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้ายังทำสิ่งที่ผิดธรรมชาติก็ควรจะต้องอาย 
          นายสมัคร ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการทำงานระหว่างรัฐบาลและประธานองคมนตรีจะเป็นอย่างไรว่า ประธานองคมนตรีและนายกรัฐมนตรีไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ไม่มีอะไรต้องประสานงานกัน
          ด้าน น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค พปช. กล่าวว่า จากที่ติดตามผลการนับคะแนนถึงตอนนี้ พบว่าการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งในพื้นที่เขตเลือกตั้งทั่วประเทศมีลักษณะที่สอดคล้องกับผลของการสำรวจโดยพรรคที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ แต่มีข้อสังเกตว่า ผลการนับคะแนนใน กทม.มีลักษณะแตกต่างจากที่สำรวจไว้มาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้บริหารพรรคจะได้สรุปรวบรวมข้อมูลการนับคะแนนในเขตต่างๆ เพื่อวิเคราะห์ในรายละเอียดอีกครั้ง 
          "เท่าที่มีการสอบถามเบื้องต้นผลนับคะแนในการลงคะแนนล่วงหน้าใน 15-16 ธันวาฯ ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันในวันลงเลือกตั้งจริง และไม่เหมือนผลโพลล์ที่เคยทำไว้ ทั้งๆ ที่ในพื้นที่เขตเลือกตั้งทั่วประเทศเป็นไปตามที่สำรวจ แต่ใน กทม.หลายเขตเคยนำโด่ง กลับนำน้อยลงหรือแพ้ เป็นเรื่องที่เราเองจะขอสรุปตัวเลขเพื่อวิเคราะห์และนำเสนอต่อไป" น.พ.สุรพงษ์ กล่าว