พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงแนวคิดจัดอบรมพิเศษให้ข้าราชการท้องถิ่น และประชาชน 90 วันก่อนการเลือกตั้งว่าสิ่งที่พูดในวันนั้น คือ สร้างการรับรู้ความเข้าใจ ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในท้องถิ่นให้รับทราบถึงการบริหารงานให้เกิดธรรมภิบาลต้องทำอย่างไร เป็นสิ่งที่ประชาชนจำเป็นต้องรู้ และประชาชนควรเข้าใจภาพรวมการบริหารงาน ของส่วนกลาง และท้องถิ่น และอยากให้สื่อถึงมาตรการต่างๆที่ได้ดำเนินการไป โดยเฉพาะมาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อย เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือการค้าขายทางออนไลน์ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สร้างการรับรู้ใหม่ ทั้งหมด แม้ที่ผ่านมาจะพูดผ่านสื่อ หรือผ่านทางโซเชียลแต่ยังไม่ทั่วถึง จึงจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจให้ทั่วถึง เพราะยังมีหลายคนวิพากษ์วิจารณ ว่า ประชาชนไม่รับรู้ข้อมูลในสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ ตนเองจึงนำเรื่องนี้มาทบทวนว่า เราควรจะเร่งสร้างความเข้าใจอย่างไร ซึ่งได้สั่งการในทุกกระทรวงให้เร่งสรุปผลการทำงานในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการในอนาคต
นายกฯ ยังกล่าวว่า การที่ให้ท้องถิ่นสร้างความเข้าใจกับประชาชน ไม่ใช่เป็นการให้ไปสนับสนุนพรรคไหน หรือให้เลือกนักการเมืองคนใด เพราะทุกอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควบคุมดูแลอยู่ ดังนั้นอย่ามองทุกอย่างเป็นเรื่องของการเมืองทั้งหมด เพราะรัฐบาลต้องวางตัวเป็นกลาง และรัฐบาลทำทุกอย่างให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ผู้นำท้องถิ่นก็ต้องมาจากการเลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องสร้างหลักคิดในการเลือกผู้นำท้องถิ่น โดยให้มองถึงความรู้ ความสามารถ มีประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการบริหารใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องเป็นธรรม ที่สำคัญยังต้องสร้างการรับรู้เรื่องประชาธิปไตย ตามแนวทางที่ถูกต้องว่าควรเป็นอย่างไร เพราะการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นมีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลง ทั้งการแบ่งเขต การใช้บัตรเดียวในการเลือกตั้ง เป็นต้น จึงจำเป็นต้องเร่งสร้างความเข้าใจ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีคุณภาพ ได้นักการเมืองที่ดี เพราะส่วนตัวอยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ให้มากกว่าทุกครั้ง หรือเกินร้อยละ 90 เพราะการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของทุกคน
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า รัฐบาลพยายามจัดระเบียบบ้านเมือง ด้วยการสร้างการรับรู้ที่จะร่วมมือกัน ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า ซึ่งสิ่งที่ทำไปทั้งหมด ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร และยังไม่ได้ตัดสินใจสังกัดพรรคไหน และไม่อยากให้ประชาชนกังวลในเรื่องนี้ หรือ ฟังข้อมูลจากนักการเมืองฝ่ายเดียว
ทั้งนี้สิ่งที่ตนเองกังวล คือ เมื่อถึงช่วง ที่ คสช. คลายล็อกพรรคการเมืองให้สามารถทำกิจกรรมได้จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ จึงอยากให้ประชาชนช่วยกันลดความขัดแย้ง เพราะไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะเกิดความเสียหาย ส่งผลต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การลงทุน สุดท้ายก็จะได้รัฐบาลเดิมๆ เข้ามา
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เสนอให้ทุกพรรคถอดหัวโขนร่วมมือกันสร้างกติกาแล้วไปพูดคุยกับ คสช. เพื่อร่วมทำสัญญาประชาคม ยอมรับผลการเลือกตั้งพรรคที่ได้เสียงข้างมากต้องจัดตั้งรัฐบาลว่า ขอให้ตัวเองไปถอดหัวโขนก่อนดีกว่า ส่วนตัวไม่อยากทะเลาะด้วย และขอให้ลดการวิจารณ์ไปบ้าง