นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 คงจะเห็นบรรยากาศทางการเมืองคงเริ่มคึกคักขึ้น หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมคลายล็อคเพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆได้ หลังจากพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั้งส.ส. โปรดเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช. ออกมายืนยันว่า คสช.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า จะมีการคลายล็อคเมื่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.โปรดเกล้าฯลงมา ก็สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้บางเรื่อง ในกรอบระยะเวลา 90 วัน ช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคมนี้ ถือเป็นบันไดอีกขั้น เพื่อก้าวสู่สนามเลือกตั้งที่ยังคงยึดโรดแมพที่กำหนดไว้ หากไม่มีอุปสรรคใดๆเกิดขึ้นระหว่างนี้ วันเลือกตั้งที่จะเป็นได้จริงเร็วสุด คือ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
ทั้งนี้ กิจกรรมที่จะคลายล็อค ได้แก่ การประชุมพรรค เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติม การแก้ไขข้อบังคับพรรคการเมือง ให้สามารถเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค เป็นต้น รวมถึงแก้ไขข้อขัดข้องตามที่พรรคการเมืองเสนอมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องห้วงเวลาในการจัดให้มีทุนประเดิม การสรรหาผู้สมัครของแต่ละพรรค เน้นหลักการให้สมาชิกมีส่วนร่วม รวมถึงการทำไพรมารีโหวต โดยจะออกเป็นคำสั่งตามมาตรา 44 ในเร็วๆ นี้
ยิ่งมือกฏหมายของรัฐบาล อย่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาการันตีว่า พรรคการเมืองสามารถใช้ช่วงเวลาที่จะมีการคลายล็อคสามารถเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค ถือเป็นโอกาสให้แต่ละพรรคมีการจัดทัพจัดขบวนเพื่อลงสู้ศึกเลือกตั้ง แต่หากมองอีกด้านอาจทำให้ คสช. ได้เห็นรูปร่างหน้าตาคู่แข่งทางการเมือง เพราะมีข่าวหนาหูมากขึ้นว่า ในบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เตรียมแต่งตัวจัดตั้งพรรค ซึ่งถือว่า คสช.เลือกแปลงสภาพตัวเองมาเป็นผู้เล่นและอาจเป็นหนึ่งในปัจจัย ประกอบการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ ว่า สุดท้ายแล้ว จะเลือกลงสนามเลือกตั้ง เพื่อมาสานงานที่ตนเองทำไว้หรือไม่ด้วย
แต่ยังมีข้อท้วงติงจากฝ่ายการเมือง ที่อยากให้มีการปลดล็อคมากกว่าคลายล็อค และเรียกร้องอยากให้ คสช.เปิดโอกาสให้นักการเมืองลงพื้นที่เพื่อพบปะกับประชาชนได้เสียที โดยเฉพาะนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นอยากให้คสช.เปิดโอกาสให้นักการเมืองลงพื้นที่เพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชนและสมาชิกพรรคในเรื่องการจัดทำนโยบายของพรรค ซึ่งไม่ใช่เป็นการลงไปหาเสียง และมองว่าการที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน และเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งโดยไม่ได้สื่อสารกับประชาชนจะทำให้การเลือกตั้งเสียหาย ประชาชนจะเสียประโยชน์
หรือจะเป็นข้อกังวลเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า การทำงานของ กกต.โดยเฉพาะประเด็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ตามกฎหมายระบุไว้ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้แบ่งเขตเลือกตั้ง หลังมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งปัญหาต่างๆ ถือเป็นบททดสอบให้กับกกต.ชุดใหม่ ได้โชว์ฝีมือ ว่าจะสามารถนำพาการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นได้ดีเพียงใด
นอกจากนี้ ที่สำคัญในเดือนกันยายน พล.อ.ประยุทธ์ เคยบอกไว้แล้วว่า จะมีการนัดหารือกับนักการเมืองทุกพรรค ซึ่งคาดว่า คงจะเกิดขึ้นหลังมีการคลายล็อคไปแล้ว จึงเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่หน้าจับตามองว่า การพูดคุยในครั้งนี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนมากขึ้นหรือไม่ หรือนายกรัฐมนตรี จะประกาศให้ชัดเจนว่า สุดท้ายแล้วประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งอีกครั้งในวันใด และเชื่อได้ว่า นักการเมืองคงเริ่มวอร์มร่างกาย เตรียมตัวเพื่อลงสู่สนามเลือกตั้งอีกครั้งหลังจากว่างเว้นมานานกว่า 4 ปี