พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นสักขีพยานการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์และผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย รวมถึงมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประธานป่าชุมชน 5 จังหวัด ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และอุตรดิตถ์ และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ มอบหนังสือคู่มือการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลให้ประชาชน 434 รายว่า ขอขอบคุณประชาชนที่มาให้การต้อนรับ รัฐบาลรับรู้ในความต้องการของประชาชนในทุกระดับ แม้รัฐบาลจะมีงบประมาณไม่มาก แต่จะพยายามสร้างความเติบโตไปพร้อมกัน และทุกฝ่ายต้องจับมือร่วมกันเดินไปข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลได้ริเริ่มในหลายๆ อย่าง ซึ่งไม่เพียงแค่จังหวัดเลย และเพชรบูรณ์ ที่ลงพื้นที่เท่านั้น แต่ในจังหวัดอื่นๆ ก็ได้ส่งรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่รับฟังปัญหา และความต้องการของประชาชน เพื่อนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การพิจารณาดำเนินการตามความต้องการของประชาชนจะเป็นไปอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งแตกต่างกับรัฐบาลที่ผ่านๆ มา จึงต้องการปลดล็อคปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในการดำเนินนโยบาย และหลายโครงการเกิดจากการริเริ่มของรัฐบาล ทั้งโครงการด้านการคมนาคมขนส่ง และการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน
"รัฐบาลหน้าก็ต้องเป็นแบบนี้ ดูแลทั้งคะแนนเสียงส่วนใหญ่และคะแนนเสียงส่วนน้อย คนที่เลือกและไม่ได้เลือก ต้องไม่เกิดความขัดแย้ง ไม่ขัดแย้ง ทั้งเรื่องกฎหมาย รัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่และประชาชน วันนี้หลายอย่างครอบงำมาโดยตลอด จึงต้องปลดล็อค อย่างแรกคือต้องปลดล็อคตัวเอง ปลดล็อคทางความคิด ความต้องการส่วนตัวไปเป็นความต้องการส่วนร่วมให้ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ทุกคนต้องเข้าใจในยุทธศาสตร์ชาติ แต่ไม่ได้มีเจตนาในการสืบทอดอำนาจ ตามกรอบเวลาของยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ถึง 20ปี และยอมรับว่า มีความเป็นห่วงหลังปลดล็อคทางการเมือง อาจจะเกิดความวุ่นวายพอสมควร ซึ่งส่วนตัวไม่อยากจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาการเมือง
"เป็นห่วงว่าระยะต่อไป เมื่อมีการปลดล็อคไปแล้ว มันจะวุ่นวายพอสมควร ผมไม่อยากยุ่งการเมือง แต่การเมืองก็อย่ามายุ่งกับการทำงานของรัฐบาลเวลานี้ที่จะทำให้ประชาชน อย่าไปทำให้ทุกอย่างที่ผมพูดในวันนี้และทำวันนี้มันล้มเหลว ผมเสียดายเวลาของผม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ย้ำให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเลือกจากนโยบาย หรือตัวบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอชื่อ ขึ้นอยู่กับทุกคน โดยไม่ควรที่จะไม่ออกไปใช้สิทธิ์ด้วยเหตุผลว่าไม่ชอบตัวบุคคล เพราะจะอันตรายกว่า เนื่องจากอาจจะได้คนที่ไม่ชอบเข้ามาบริหารประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นจะต้องลงทุนในเรื่องรถไฟความเร็วสูง และไม่ต้องการให้ใครมามีบทบาทในเส้นทางของไทย ซึ่งการลงทุนอาจราคาสูงและไม่ได้กำไรแต่จะได้กำไรในเรื่องของการให้บริการผู้โดยสาร และทำให้เกิดเมืองในตลอดเส้นทางที่รถไฟผ่าน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผู้ที่ขยายความกรณีที่องค์การสหประชาชาติจัดลำดับให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่น่าละอายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน ว่า ผู้ที่ไปพูดให้ประเทศเกิดความเสียหายนั้นน่าละอาย เพราะรัฐบาลไม่เคยดำเนินการในลักษณะดังกล่าว