"วิษณุ" ยันตั้งพรรคสำรองได้ไม่เข้าข่ายนอมินีตามกฎหมายระบุมีมาทุกสมัย

ข่าวการเมือง Friday September 28, 2018 12:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมตั้งพรรคเพื่อธรรมเป็นพรรคสำรองไว้รองรับกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองว่า ในภาษาพูดอาจเรียกว่าเป็นพรรคสำรอง แต่ในภาษากฎหมายถือว่าเป็นพรรคการเมืองหนึ่งสามารถทำได้ เพราะถือเป็นนิติบุคคลหนึ่ง และสามารถถูกยุบพรรคได้เหมือนกัน ดังนั้น ไม่ได้มีความหมายว่าเป็นพรรคแม่ พรรคลูก เหมือนโฮลดิ้ง คอมพานี (holding company)

"โดยรูปแบบผมเข้าใจว่า คนที่อยู่พรรค ก. และคิดว่าจะไปตั้งพรรค ข. และ ค. ดีกว่า ซึ่งมันไม่ใช่พรรคสำรอง เพราะเหตุว่า ทุกพรรคจะมีคะแนน เพราะใช้ระบบบัตรใบเดียว และเลือกสมาชิก 2 ประเภท ตรงกันข้าม ถ้าพรรค ก ทุ่มลงไปแล้วได้คะแนนท่วมท้นล้นพ้นมหาศาล แต่คะแนนไม่ได้นำไปคิดในปาร์ตี้ลิสต์ ถ้าเขารู้อย่างนี้ เขาก็คงให้สมาชิกอย่ามาอยู่พรรคเดียว คุณไปอยู่พรรคอื่น ซึ่งในภาษากฎหมายก็ไม่ใช่พรรคสำรอง อันนี้เป็นกระบวนการทางการเมือง ซึ่งมีมาทุกยุคทุกสมัย แต่สมัยนี้อาจจะชัดเจนหน่อย เพราะเขาต้องการเก็บทุกเม็ด สมัยก่อนมารวมกันอยู่พรรคเดียวได้ดีที่สุด แต่ครั้งนี้กระจายได้เป็นอันว่าดีที่สุด เพราะเราต้องการส่งเสริมให้แยกกัน เพื่อไม่ให้มีใครผูกขาดหรือกินรวบ"นายวิษณุ กล่าว

ส่วนกลุ่มการเมืองที่มีพรรคเล็กพรรคน้อยจะมีโอกาสทางการเมืองมากกว่าหรือไม่นั่น นายวิษณุ ชี้แจงว่า โดยหลักต้องส่งคนลงสมัคร และต้องได้คะแนนเสียง เพราะทุกคะแนนจะถูกนำไปรวมเพื่อคิดเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ แต่หากมีพรรคการเมืองมากเกินไปก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาอย่างอื่น โดยเฉพาะเรื่องการส่งเสริมให้ระบบพรรคการเมืองเข้มแข็ง

ทั้งนี้ นายวิษณุ กล่าวถึง กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม เป็นนายกเมืองพัทยา อาจมีความเสี่ยงที่ถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากนายกเมืองพัทยาจะต้องรับผิดชอบบังคับคดียึดทรัพย์หลายร้อยล้านบาทจากนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ ซึ่งเป็นความผิดจากคดีอาญาทุจริตซื้อที่ดินเขาไม้แก้วว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องความผิดตามคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม แต่เป็นความคาดหมายว่าจะปฏิบัติหน้าที่โดยบกพร่องหรือไม่ ซึ่งทุกคนจะจ้องจับผิดในเรื่องนี้

แต่ยืนยันว่า ปัญหาจะไม่เกิดอย่างที่คิด เนื่องจากศาลได้ตัดสินให้นายสมชายชำระหนี้ให้กับเมืองพัทยาตั้งแต่ปี 2555 ในสมัยนั้นนายกเมืองพัทยาก็คือ นายอิทธิพล คุณปลื้ม บุตรชายอีกคนหนึ่ง ก็ได้ทำหน้าที่ยึดทรัพย์แล้ว โดยได้ไปยึดที่ดิน 40 แปลง มูลค่าจากราคาประเมินมากกว่าราคาที่เป็นหนี้ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการขายทอดตลาดไปแล้วบางส่วน และอยู่ระหว่างการทยอยขายต่อไป จึงไม่มีอะไรเหลือมาถึงมือนายกเมืองพัทยาคนใหม่ที่จะต้องไปดำเนินการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ