นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กรณีมีการเรียกร้องถึงความเหมาะสมต่อการดำรงอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีหลังเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐว่า ตนเองยินดีที่จะรับฟัง แต่ขอยืนยันว่าการอยู่ในตำแหน่งของรัฐมนตรีทั้ง 4 คนนั้นจะขอทำให้มีมาตรฐานมากกว่าการเมืองในอดีตที่ผ่านมา โดยมั่นใจว่าการอยู่ในตำแหน่งก็เพียงเพื่อสานต่องานที่ยังจำเป็นต้องเดินหน้าในช่วงระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาลนี้ให้มีความคืบหน้า ซึ่งทุกฝ่ายสามารถตรวจสอบการทำงานได้ว่าใช้ประโยชน์จากตำแหน่งรัฐมนตรีไปเพื่องานทางการเมืองหรือไม่
"จุดยืนคือขอทำหน้าที่ในงานที่มีอยู่ ยังมีภารกิจ และเวลาไม่ได้นานมากเกินไป แต่เนื่องจากงานต่างๆ ที่ทำไว้ คงจะไม่เกิดประโยชน์ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะเวลาที่เหลือที่สั้นมากๆ นั้น การปรับเปลี่ยนจะทำให้งานชะงัก จึงเป็นหน้าที่ของคนที่ต้องรับผิดชอบงานด้านบริหาร" นายสนธิรัตน์ กล่าว
พร้อมระบุว่า การเข้าสู่งานทางการเมืองนั้น ตนเองไม่ได้คิดแบบนักการเมือง แต่คิดถึงสิ่งที่จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ซึ่งนักการเมืองในทัศนะของตน คือ การทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศมากที่สุด ดังนั้นความตั้งใจและภาระงานที่คั่งค้างซึ่งหากได้ดำเนินการต่อไปอีกระยะ เชื่อว่างานจะไปสู่เป้าหมายได้ในที่สุด
"การลาออกเป็นเรื่องง่าย แต่ต้องถามว่าประโยชน์คืออะไร หากว่าประโยชน์ไม่ได้เกิดมากก็เป็นสิ่งในฐานะผู้บริหารจะต้องคิด เราอย่ามาเล่นแต่การเมืองกัน แน่นอนทางการเมืองก็ต้องให้ออก อยากให้ไปดูในอดีตว่ากลุ่มต่างๆ นั้นในอดีตได้ดำเนินการอย่างไร เรายืนยันว่าจะดำเนินการให้ดีกว่าอดีต อย่าเพิ่งคาดคั้นผมในวันนี้มาก" นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเวลาไซเรนท์พีเรียด หรือ 90 วันก่อนที่จะบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ซึ่งโดยหลักการแล้วในช่วงเวลานี้ พรรคการเมืองยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ยกเว้นกรณีการรับสมัครสมาชิกพรรค ซึ่งในกรณีของ "พลังประชารัฐ" นั้น ยืนยันว่าสถานะยังไม่ได้เป็นพรรคการเมือง เพราะกำลังอยู่ในขั้นตอนการจดทะเบียนเพื่อขอจัดตั้งพรรค ซึ่งต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เห็นชอบก่อน
"การอยู่ในตำแหน่งของผม และรัฐมนตรีอีก 3 ท่านนั้น เรารับฟังและตระหนัก และยืนยันว่าเราจะทำให้มีมาตรฐานสูงกว่าในอดีตของทางการเมืองที่เคยทำมา และไม่ต้องมากดดัน เพราะพวกผมทราบดีว่าการอยู่อย่างนี้นั้น ถ้าทุ่มเทและตั้งใจทำงาน ยิ่งมีความลำบากและเป็นที่จับจ้องจากทุกฝ่าย ขอให้ดูการทำงานของพวกเราในฐานะรัฐมนตรีว่าสิ่งที่ผมจะทำในขณะนี้ เป็นไปตามที่บอกไว้หรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ และมีการใช้ประโยชน์จากตำแหน่งหรือไม่ ต้องดูที่การกระทำ เรื่องแบบนี้ปิดกันไม่ได้" นายสนธิรัตน์ กล่าว
ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสมในการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีจะเป็นเมื่อใดนั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะแจ้งให้ทราบ
สำหรับภารกิจสำคัญที่นายสนธิรัตน์ ในฐานะ รมว.พาณิชย์ ต้องการใช้เวลาผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมมากที่สุดในช่วงระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาลชุดนี้ คือ 1.การจัดตั้งกรมธุรกิจบริการ ซึ่งเป็นการพัฒนางานด้านธุรกิจบริการของประเทศ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น ที่พัก โรงแรม Home stay ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก เป็นต้น ซึ่งนับวันจะยิ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ตามนโยบายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายไว้ 2.เรื่องการส่งเสริมให้ประชาชนปลูกไม้เศรษฐกิจใช้เพื่อเป็นหลักประกันทางธุรกิจ และ 3.การยกระดับร้านธงฟ้าประชารัฐให้สามารถแข่งขันได้ ด้วยการพัฒนาระบบบริหารจัดการที่มีความทันสมัยมากขึ้น