นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุมใหญ่ครั้งที่ 1 ของพรรคในวันนี้ว่า จะขอมติพรรคเพื่อรับรองข้อบังคับพรรค ส่วนการเลือกกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงหัวหน้าพรรคนั้น จะสรุปกันวันที่ 28 ต.ค.อีกครั้ง โดยขณะนี้ยังมีหลายชื่อที่ได้รับการเสนอมา ทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รวมถึงบุคคลอื่น ซึ่งทุกคนก็มีสิทธิเสนอชื่อมาได้จนถึงวันตัดสิน
พร้อมทั้งยืนยันว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ไม่ได้ผูกขาดว่าต้องเป็นในตระกูล"ชินวัตร"แต่ทุกคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันกับพรรค ซึ่งสมาชิกพรรคทุกคนมีสิทธิเป็นหัวหน้าพรรคได้
รวมถึงการที่พรรคจะเสนอชื่อ 3 รายชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคมั่นใจว่าจะเสนอชื่อได้ทั้ง 3 รายชื่อแน่นอน แต่ยังไม่มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ จึงยังไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาหารือเรื่อง 3 รายชื่อดังกล่าว เพราะเป็นช่วงที่จะทำให้พรรคถูกต้องสมบูรณ์ และสามารถทำหน้าที่ส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ได้ก่อน
ส่วนกระแสข่าวว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองหัวหน้าพรรค ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหัวหน้าพรรคด้วยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นพี่น้องกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ยังไม่ได้มีการอาสาตัวเข้ามาอย่างชัดเจน ซึ่งจากวันนี้ไปจะอยู่ในกระบวนการ หากต้องการเสนอ ตนเองหรือไม่ว่าใครในพรรคเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้
สำหรับข่าวที่ระบุว่านายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ และนายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ อดีตสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาจะมาสมัครเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้อ่านพบในหนังสือพิมพ์เมื่อเช้านี้ หากมาจริงก็ยินดีต้อนรับ ถ้ามีการพูดคุยกันแล้วอุดมการณ์ตรงกัน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้พบกัน
ขณะที่ข่าวที่ว่านายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ได้รับเลือกให้ไปเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม ซึ่งเป็นพรรคสำรองของพรรคเพื่อไทยนั้น นายภูมิธรรม ยืนยันว่า เป็นการตัดสินใจส่วนตัวของนายสมพงษ์ และพรรคเพื่อธรรมก็ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะถือเป็นอีกพรรคการเมืองที่ตั้งมานานแล้ว พร้อมๆกับพรรคใหม่ๆที่เพิ่งเปิดตัวไป
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังได้เรียกร้องให้กระบวนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เป็นกระบวนการเลือกตั้งที่เสรีเป็นธรรม การที่มีพรรคการเมืองหลายพรรคมาแข่งกันนั้นไม่มีปัญหา แต่ขอให้เป็นการเข้ามาอยู่ในกระบวนการที่แข่งขันกันอย่างเป็นธรรม ให้โอกาสทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน และรัฐบาลอย่าใช้ความได้เปรียบของตัวเอง เพราะขณะนี้มีการกล่าวกันว่าบางพรรคใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ทำการพรรค ซึ่งต้องชี้แจงให้เกิดความกระจ่างชัดเจนด้วย
"รัฐบาลเองอย่าใช้ความได้เปรียบของตนเอง โดยเวลานี้ทุกคนต้องหาสถานที่ของตนเอง บางส่วนก็มีการกล่าวหาว่าพรรคบางพรรคใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ทำการพรรค ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วต้องชี้แจงให้เกิดความกระจ่าง อย่าให้รู้สึกว่าทำเนียบรัฐบาลกลายเป็นพื้นที่นำมาใช้ประโยชน์เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์พรรคใดพรรคหนึ่ง"นายภูมิธรรม กล่าว