"วิษณุ" เผยพรรคการเมืองตั้งพรรคเพิ่มหวังโกยคะแนน ขึ้นกับประชาชนตัดสินใจ

ข่าวการเมือง Monday October 8, 2018 14:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองตั้งพรรคสำรองไว้เพื่อรองรับการเลือกตั้งว่า พรรคการเมืองจะแตกยอดจดทะเบียนออกไปอีกกี่พรรคก็สามารถทำได้ เพราะเมื่อแยกออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนละพรรคคนละนโยบายกัน ไม่ใช่หัวหน้าพรรคคนเดียวกันซึ่งถือเป็นคนละนิติบุคคล

ส่วนเป้าหมายจะเหมือนกับพรรคที่แตกยอดออกมาหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย แม้บางพรรคจะออกมายอมรับว่าได้ตั้งพรรคสำรองไว้ก็ตาม ขณะที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองส่งเสริมให้พรรคการเมืองแข็งแกร่งอยู่แล้ว โดยมีการรับฟังสมาชิกในการจะดำเนินการเรื่องต่างๆ มีมาตรการทั้งส่งเสริมและควบคุมพรรคการเมืองไว้อย่างดี

"ใครจะมีทุน มีสติปัญญา จะไปคิดตั้งพรรคเพิ่มก็ไม่แปลกอะไร มันมีมาทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่เราอาจไม่รู้สึกว่าโจ่งแจ้งที่เขาต้องตั้งพรรคเพิ่ม เพราะต้องการเก็บคะแนนให้ได้มากที่สุด เมื่อเขามองว่าเป็นช่องทางที่สามารถทำได้ก็เรื่องของเขา" นายวิษณุ กล่าว

ส่วนการออกแบบกฎหมายเช่นนี้ตอบโจทย์การปฏิรูปพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะแทนที่นักการเมืองจะทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง แต่กลับต้องไปตั้งพรรคเพิ่มเพื่อให้ได้คะแนนเสียงมากๆ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตอบไม่ถูก เชื่อว่าประชาชนจะพิจารณาแล้วตัดสินใจได้

นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคการเมืองสามารถเสนอ 1-2 ชื่อก็ได้ แต่ไม่เกิน 3 ชื่อ หรือไม่เสนอเลยก็ได้ ซึ่งขณะนี้พรรคการเมืองสามารถลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนเพื่อรับฟังความคิดเห็นในการจัดทำนโยบายได้ ซึ่งมีหลายพรรคทำกันอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่การหาเสียง

ส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะนัดพรรคการเมืองมาพูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายก่อนการเลือกตั้งรอบสองนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบเหตุผลเรื่องนี้ เพราะผลจากการหารือในครั้งแรก กกต.ยังไม่ส่งมาให้รัฐบาล และยังไม่ทราบว่ารัฐบาลและ คสช.จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพรรคการเมืองได้เมื่อใด แต่จะต้องมีการประชุมก่อนวันที่ 10 ธ.ค.61 ซึ่งจะเป็นวันครบกำหนดที่ พ.ร.บประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ 90 วัน

นายวิษณุ ยังกล่าวถึงแนวปฏิบัติของ 4 รัฐมนตรีที่เข้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า เรื่องนี้ได้พูดในที่ประชุม ครม.ไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปบอกอะไรอีก เชื่อว่าแต่ละคนทราบอยู่แล้วว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร และการที่รัฐมนตรีจะลงเล่นการเมืองก็ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศ ซึ่งถ้าเกิดมีความผิดพลาดก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับ ครม.และส่วนตัวไม่ทราบว่า 4 รัฐมนตรีนี้จะลาออกเมื่อใด ซึ่งไม่เคยมีใครมาปรึกษาเรื่องนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ