นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 กล่าวตอบในประเด็นหากมีสมาชิก สนช.จะไปร่วมงานทางการเมืองกับพรรคการเมือง หรือจะไปสมัครเป็นส.ว.ผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรจะต้องลาออกจากการเป็นสมาชิก สนช.ก่อนหรือไม่ว่า ในกรณีของการไปร่วมงานการเมืองคงต้องดูว่าจะไปร่วมงานในลักษณะใด ถ้าถึงขั้นเข้าเป็นสมาชิกพรรค จะมีผลต่อสมาชิกสภาพการเป็นการสมาชิก สนช.ทันที เนื่องจากปัจจุบันรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ สนช.ทำหน้าที่ ส.ส.และ ส.ว. จนกว่าจะมีรัฐสภาชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่ง ส.ว.มีลักษณะต้องห้ามบางประการว่า ห้าม ส.ว.เป็นสมาชิกพรรค ถ้ามีสมาชิก สนช.ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองก็อาจเข้ากรณีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวได้
ส่วนการไปสมัคร ส.ว.ผ่านทาง กกต.นั้น รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติข้อห้ามใดไว้ มีเพียงแต่ข้อห้ามการไปสมัครเป็น ส.ส.เท่านั้น จึงคิดว่าหากมีสมาชิก สนช.ไปสมัครเป็น ส.ว.จริง ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคน ว่าจะพิจารณาคิดเห็นเป็นประการใด
นายสุรชัย กล่าวว่า ขณะนี้ สนช.จะยังคงประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายตามปกติ โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ. ที่ค้างการพิจารณาอยู่ในสภา แต่จากการประสานงานกับรัฐบาลก็มีความเห็นว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ที่จะเสนอมายัง สนช. จะต้องส่งมาให้ สนช. ก่อนสิ้นปี 2561 เพื่อให้ สนช.ได้มีเวลาในการพิจารณาพอสมควร ก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2562
แต่หากถึงที่สุดแล้ว สนช.ไม่สามารถพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ที่เหลือได้แล้วเสร็จ จะเป็นหน้าที่ของรัฐสภาชุดใหม่ในการเข้ามาพิจารณาต่อไป โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรมีสิทธิที่จะเลือกว่าสมควรนำกฎหมายที่สภาชุดเก่ายังพิจารณาไม่เสร็จมาพิจารณาต่อหรือไม่ แม้ในบางครั้งเคยมีกรณีที่สภาชุดใหม่ไม่เคยนำกฎหมายที่ค้างการพิจารณาของสภาชุดเก่ามาพิจารณาต่อ แต่ในชั้นนี้ สนช. จะพยายามพิจารณาร่างกฎหมายให้แล้วเสร็จมากที่สุด เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระแก่สภาชุดใหม่ในอนาคต