นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวจุดยืนเกี่ยวกับการระดมทุนของพรรคว่า ตามที่พรรคอนาคตใหม่ได้รับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ห้ามพรรครับบริจาคเงิน เนื่องจากถือเป็นกิจกรรมทางการเมือง และขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความสงสัยจากสมาชิกพรรคว่าพรรคยังสามารถระดมทุนเพื่อบริจาคเข้าพรรคได้หรือไม่ ซึ่งทางพรรคยืนยันว่าจะทำการระดมทุน รับบริจาค และกิจกรรมระดมทุนต่างๆ ต่อไปตามเดิม
โดยมีแนวทางสำหรับการระดมทุน ได้แก่ 1.การรับสมัครสมาชิก ได้แก่ สมาชิกรายปี 100 บาท ตลอดชีพ 2000 บาท และสมาชิกตลอดชีพอุปถัมภ์ตั้งแต่ 3,000-10,000 บาท 2.การขายสินค้า จะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินค้าที่มีตราสินค้า จะทำการขายโดยสามารถซื้อที่สำนักงานใหญ่หรือสำนักงานจังหวัด ซื้อผ่านช่องทางโทรศัพท์ และยังคงจะเปิดช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ตามปกติ 3.การรับบริจาคเงินเข้าพรรคทั้งทางออนไลน์และตัวบุคคล ในเมื่อยังไม่มีความชัดเจนทางกฎหมาย ทางพรรคจะเปิดให้มีการระดมทุนโดยการบริจาคอีกครั้งทันที และ 4.จัดกิจกรรมระดมทุนต่างๆ ทั้งการจัดงานลอยกระทง จัดการแข่งขันกอล์ฟ และจัดงานวิ่งในเดือน พ.ย. และ ธ.ค.
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกมาระบุว่าถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุให้เกิดการจลาจล ก็จะไม่มีการปฏิวัติว่า ขอยืนยันว่าไม่ต้องการเห็นสังคมที่มีการทำรัฐประหารอีก และขอบอกว่า การใช้คำโกหก การใช้ข่าวลวงทำให้ประชาชนเกลียดกลัวกัน ถือเป็นข้ออ้างในการสร้างบรรยากาศไปสู่การทำรัฐประหาร ซึ่งที่ผ่านมา มีข่าวลวงเต็มไปหมด และเห็นชัดว่าทำให้คนแตกแยกกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นการปูทางหรือหาข้ออ้างไปสู่การทำรัฐประหาร ทั้งนี้ พรรคยืนยันว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ เพื่อให้ประเทศไทยไม่เกิดการทำรัฐประหารขึ้นอีก
นายธนาธร กล่าวด้วยว่า ในฐานะนักการเมืองมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นหรือชุมนุมโดยสุจริต แต่จะไม่มีการใช้ความรุนแรงหรือสร้างวาจาแห่งความเกลียดชังให้ประชาชนเกลียดชังกันเอง
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงเพิ่มเติมในเรื่องการรับบริจาคเงินว่า จากกรณีที่ กกต. มีคำสั่งห้ามรับเงินบริจาคเข้าพรรคการเมืองตามประกาศคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 ซึ่งเป็นสิ่งที่ กกต. เคยตีความไว้เมื่อปี 2557 และนำมาใช้กับพรรคการเมืองใหม่ๆ นั้น ทางพรรคได้มีข้อเรียกร้องไปถึง กกต.ขอให้มีการทบทวนแนวทางการตีความใหม่ว่า การรับบริจาคนั้น บุคคลทั่วไปสามารถบริจาคได้ แต่หาก กกต.ยังคงยืนยันว่าไม่ให้รับบริจาคจากบุคคลทั่วไป จะต้องมีหนังสือออกคำสั่งให้ชัดว่าห้ามพรรคการเมืองรับบริจาค ซึ่งทางพรรคจะขอใช้สิทธิ์ฟ้องเพิกถอนคำสั่งนี้ต่อไป
นายปิยบุตร ยังกล่าวถึงขั้นตอนการรับสมัครและการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ โดยมั่นใจว่าสามารถหาตัวแทนผู้สมัครของพรรคได้ครบทั้ง 350 เขตตามระยะเวลาที่กฏหมายกำหนดไว้ โดยในส่วนของการรับสมัครและการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น พรรคได้กำหนดหลักการพื้นฐานสำคัญของผู้สมัครไว้ คือ 1.การเปิดกว้าง 2.อุดมการณ์และคุณค่าพื้นฐาน 3.การมีส่วนร่วม
โดยจะแบ่งเป็น 5 ขั้นตอน คือ 1. การเปิดรับสมัคร 2. การตรวจสอบคุณสมบัติตามกฎหมายจากเอกสารและการสัมภาษณ์ 3.การทำไพรมารีโหวต โดยคณะกรรมการสรรหาประกาศผู้มีสิทธิเข้าแข่งขันไพรมารีโหวต จากนั้นสมาชิกพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้งลงคะแนนผ่านระบบออนไลน์ 4.ประกาศผลไพรมารีโหวต นำรายชื่อผู้ที่ได้คะแนนลำดับ 1 และ 2 ไปรับฟังความเห็นจากสาขาพรรคประจำจังหวัดหรือคณะทำงานประจำจังหวัด 5. การลงมติเลือกโดยคณะกรรมการบริหารพรรค โดยต้องพิจารณาเลือกลำดับที่ 1 เป็นหลัก เว้นแต่มีกรณีจำเป็น อาจเลือกลำดับที่ 2 ได้
ส่วนการรับสมัครและการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น ทางพรรคจะพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครโดยยึดหลักการ คือ 1. มีความรู้ความสามารถ 2. กระจายตามสัดส่วนของภาคต่างๆ 3. การสนับสนุนกลุ่มบุคคลที่อาจถูกกีดกันและอาจถูกเลือกปฏิบัติได้เข้ามามีบทบาททางการเมือง 4. การอุทิศตนให้กับพรรค 5. ความคิดและการกระทำสอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรค 6. การมีส่วนร่วมของสมาชิกผ่านไพรมารีโหวต ซึ่งกลุ่มผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. หัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคที่หัวหน้าพรรคคัดเลือก 2. ตัวแทนของภาคต่างๆ 3. ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์ในด้านต่างๆ ตลอดจนบุคคคลทั่วไป 4.กลุ่มบุคคลที่อาจถูกกีดกันและเลือกปฏิบัติจากสังคม โดยจะมีการจัดทำไพรมารีโหวตด้วย
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงต่อว่า สำหรับผู้ประสงค์ลงสมัครไพรมารีโหวตเพื่อคัดเลือกเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ทางพรรคจะเปิดรับสมัครผู้ประสงค์ลงสมัครไพรมารีโหวตเพื่อคัดเลือกเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ในระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม - 18 พฤศจิกายนนี้ จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนต่างๆ ตามกระบวนการของพรรค ซึ่งจะประกาศพร้อมประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศได้ภายใน 31 ธันวาคมนี้
ส่วนบุคคลที่สนใจจะลงสมัครเป็นคณะทำงานจังหวัด ทางพรรคจะเปิดรับสมัครผู้ประสงค์ลงสมัครเป็นคณะทำงานจังหวัด ในวันที่ 18 - 29 ตุลาคมนี้ จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนต่างๆ ตามกระบวนการของพรรค และตั้งสาขาพรรคใน 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น พระนครศรีอยุธยา ระยอง นครศรีธรรมราช และนราธิวาส รวมถึงตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ซึ่งจะส่งเอกสารจัดตั้งสาขาพรรคและตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง 16 ธันวาคมนี้
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการรับสมัครสมาชิก และการจัดคาราวานรับสมัครสมาชิกว่า ขณะนี้ยอดสมัครสมาชิกพรรคอนาคตใหม่รวมแล้วกว่า 5,000 คน แบ่งเป็นสมาชิกแบบออนไลน์ กับมาสมัครที่สำนักงานใหญ่ เกือบ 3,000 คน และเข้าไปสมัครที่ศูนย์ประสานงานทั่วประเทศ กว่า 2,000 คน
ขณะที่ทางพรรคยังคงจัดคาราวานรับสมัครสมาชิกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 6 จังหวัดที่จะจัดตั้งเป็นสาขาพรรค ซึ่งไปมาแล้ว 3 แห่ง คือ นครศรีธรรมราช อยุธยา ระยอง และจะไปต่อที่ขอนแก่น เชียงใหม่ นราธิวาสต่อไป สำหรับยอดเงินที่ได้จากการระดมทุน ทั้งเงินจากการขายของผ่านทางโทรศัพท์ และที่สำนักงานใหญ่ รวมถึงสาขาพรรคต่างๆ และค่าสมาชิก รวมเป็น 1,868,606 บาท ซึ่งไม่นับเงินบริจาคที่ให้กับพรรคตั้งแต่ 6 ตุลาคมเป็นต้นมา