แกนนำ มฌ.เตรียมเสนอชื่อ"อนงค์วรรณ"นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคแทน"ประชัย"

          พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย(มฌ.) ระบุหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ลงมติให้นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ พ้นจากสถานภาพการเป็นสมาชิกพรรค เนื่องจากการประกาศลาออกเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.50 ตนเองจะเสนอชื่อนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค ขึ้นนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคแทน เพราะเป็นผู้บริหารที่สมาชิกพรรคให้การยอมรับ
          "หาก กกต.มีมติว่าคุณประชัยพ้นจากสถานภาพการเป็นสมาชิกพรรคและหัวหน้าพรรคจริง ผมจะเสนอชื่อคุณอนงค์วรรณต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคให้เลือกขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน เพราะเป็นผู้บริหารพรรคคนหนึ่งที่สมาชิกพรรคให้การยอมรับ" พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว
          ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า กกต.จะเรียกให้นายประชัยเข้าพบในวันที่ 8 ม.ค.51 เพื่อสอบสวนเกี่ยวกับการประกาศลาออกเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.50 พร้อมทั้งเรียกให้นางอนงค์วรรณเข้าพบเพื่อสอบสวนเรื่องดังกล่าวในวันที่ 9 ม.ค.51 
          รองหัวหน้าพรรค มฌ.ยอมรับว่า ผลเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 เป็นเหตุผลหนึ่งที่เห็นว่าควรมีการเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าพรรค เพราะผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งทั้ง 7 คนมาจาก ส.ส.ระบบแบ่งเขต 
          "การเลือกตั้งที่ผ่านมา ผู้สมัครของพรรคอื่นได้รับเลือกทั้งระบบสัดส่วนและระบบเขต แต่มัชฌิมาธิปไตย ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วนกลับไม่ได้รับเลือกเลย ซึ่งที่ได้รับเลือกมีเพียง ส.ส.ระบบเขตจำนวน 7 คน หากผมเป็นหัวหน้าพรรค คงประกาศลาออกแล้วเพื่อแสดงความรับผิดชอบ" พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว
          ส่วนท่าทีในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชน(พปช.) เป็นแกนนำนั้น พ.ต.ท.บรรยิน ยืนยันว่า มฌ.ยังให้การสนับสนุน พปช.เช่นเดิม และมั่นใจว่า พปช.จะยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อไป แม้ กกต.จะยังไม่รับรองผลเลือกตั้งให้ว่าที่ ส.ส.ของ พปช.มากถึง 65 คนก็ตาม
          "เชื่อว่าพรรคพลังประชาชนยังจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ แม้ว่า กกต.จะแจกใบแดงให้กับว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนจนต้องมีการเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่นั้น แต่เชื่อว่าคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งจะไม่ได้เทให้กับพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียว จนถึงขั้นได้เปลี่ยนขั้วมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล" พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว
          รองหัวหน้าพรรค มฌ.กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะเป็นรัฐบาลผสม แต่เชื่อว่าการร่วมรัฐบาลจะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งที่อาจส่งผลให้รัฐบาลมีอายุอยู่ได้เพียง 1 หรือ 2 ปี เพราะทุกพรรคการเมืองมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเชื่อว่าทุกพรรคจะช่วยกันประคับประคองให้รัฐบาลผสมเดินหน้าไปได้