พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมนำเสนอ
"เพื่อลดจำนวนคดีที่จะเข้าไปคั่งค้าง เยอะแยะมากมายก่ายกองในศาล ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่เสนอร่างกฎหมายเรื่องนี้ เฉพาะในรัฐบาลนี้ก็มีการเสนอมาแล้ว 3 ฉบับ" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
ก่อนหน้านี้ เคยมีความพยายามที่จะดำเนินการเรื่องนี้หลายครั้ง เพื่อลดปริมาณคดีที่จะนำเข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรม ทั้งในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงมหาดไทย สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงยุติธรรม ซึ่ง ครม.ได้เห็นชอบในหลักการไปแล้วและอยู่ในกระบวนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปพิจารณาแล้วพบว่า ที่ผ่านมาการออกกฎหมายเรื่องดังกล่าวยังไม่สำเร็จ เนื่องจากแต่ละหน่วยงานอยากจะมีส่วนร่วม แต่ศาลไม่เห็นด้วยเนื่องจากเป็นการตัดอำนาจของศาล อาจมีการเรียกรับผลประโยชน์ และทำให้ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง ซึ่งครั้งนี้ได้รับความเห็นชอบจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือ การตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยมีมืออาชีพเข้ามาดำเนินการ ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา โดยมีการกำหนดขอบเขต เช่น คดีแพ่งต้องไม่เกี่ยวกับเรื่องกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ หรือคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5 ล้านบาท ส่วนคดีอาญานั้นต้องเป็นความผิดอันยอมความได้ เป็นความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
นอกจากนี้ ยังมีกรณีผู้ที่ทำความผิดที่มีโทษปรับเพียงเล็กน้อย แต่ต้องมีการประทับลายมือ จะถูกบันทึกไว้ในทะเบียนประวัติอาชญากรรมทันที ซึ่งในภายภาคหน้าหากบุคคลเหล่านี้ไปประมูลงานหน่วยงานรัฐจะไม่สามารถร่วมประมูลได้เลย หรือการสมัครเป็นคณะกรรมการในองค์กรอิสระก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งในเรื่องนี้ได้ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ปรับแก้ไข เพื่อให้กฎหมายเกิดประสิทธิภาพ