ที่ประชุมใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนาได้มีมติเลือกน.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ลูกสาวนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค และนายประภัตร โพธสุธน เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนรองหัวหน้าพรรค 5 คน ประกอบด้วย นายอนุรักษ์ จุรีมาศ, นายอนุชา สะสมทรัพย์,นายวิจิตร พรพฤฒิพันธุ์, นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ และ นายยุทธพล อังกินันท์
ขณะที่รองเลขาธิการพรรค 3 คน ประกอบด้วย นายนิติวัฒน์ จันทร์สว่าง นายพันธุ์เทพ สุลีสถิร และน.ส.ทัศน์ลักษณ์ ปัตตพงศ์ภัช เหรัญญิกพรรค นางพวงรัตน์ ชัยบุตร
นายทะเบียนสมาชิกพรรค 1 คน นายพิสิษฐ์ พิทยฐากุลเจริญ
กรรมการบริหารอื่นของพรรค 6 คน ประกอบด้วย นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ นายนพดล มาตรศรี นายสุรชัย ทิณเกิด นายอภิวัชร บัวพันธ์ นายณรงค์ นุ่นทอง และนายเสน่ห์ ขาวโต
สำหรับการเลือกหัวหน้าพรรคในวันนี้ ทางนายภราดร ปริศนานันทกุล อดีตส.ส.อ่างทอง ได้เสนอชื่อนายธีระ วงศ์สมุทร เป็นหัวหน้าพรรค และนายอนุรักษ์ จุรีมาศ อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด เสนอชื่อน.ส.กัญจนา ศิลปอาชาเป็นหัวหน้าพรรค แต่นายธีระ ได้ขอถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครหัวหน้าพรรค
"การเลือกหัวหน้าหรือผู้นำพรรค อย่าคำนึงถึงอาวุโส หรือคนรุ่นหนุ่มสาว แต่ต้องดูจากความกล้าและความสามารถตามสถานการณ์ จึงขอให้มาร่วมกันเป็นนิ้วที่มาช่วยประคองให้พรรคไปสู่เป้าหมายตามที่กำหนดไว้" นายธีระ กล่าว
ด้านน.ส.กัญจนา กล่าวว่า เข้าใจว่าสมาชิกพรรคที่เลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค เพราะคงเห็นว่าสถานการณ์เช่นนี้พรรคต้องการให้คนรุ่นใหม่กับรุ่นอาวุโสทำงานด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่อาจเห็นว่าตนเองเป็นคนที่อยู่ที่ระหว่างสองรุ่นนี้ พร้อมยืนยันว่าการเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะไม่ให้เสียชื่อหัวหน้าพรรคแน่นอน
"การเลือกตั้งปี 2538 ท่านบรรหารทาบทามให้ดิฉันลงสมัครส.ส.สุพรรณบุรี จากเดิมวางตัวให้คุณหญิงแจ่มใสลงสมัคร เนื่องจากเวลานั้นสุพรรณบุรีมีส.ส.เพิ่มได้อีกหนึ่งคน ย้อนกลับไปตอนนั้นมีเวลาตัดสินใจไม่นาน แต่วันนี้กับอดีตมีความแตกต่างกัน คือ วันนี้ไม่มีท่านบรรหารอีกแล้ว แต่สิ่งที่เหมือนเดิม คือ ยังคงตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนเหมือนเดิมต่อไป...มีคนมักกล่าวพ่อบรรหารเป็นมังกรการเมือง แต่ดิฉันไม่บังอาจเทียบเคียงกับท่านได้ แต่ถึงอย่างไรจะไม่ทำให้เสียทีที่เกิดเป็นลูกมังกร" น.ส.กัญจนา กล่าว
น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ขณะนี้พรรคได้มีผู้ใหญ่ทางการเมืองมาร่วมงานหลายคน เช่น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ได้ส่งตัวแทนมาร่วมงานในวันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในอนาคตพรรคจะมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้เป็นพรรคการเมืองเฉพาะพื้นที่เท่านั้น
"พรรคไม่ได้มองความเป็นทหาร หรือพลเรือน เพราะต้องการขยายฐานไปสู่พื้นที่ภาคใต้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาพรรคชาติไทยพัฒนาถูกมองว่าเป็นพรรคของคนภาคกลาง ขณะที่การตกลงร่วมงานกับอีกหลายกลุ่มการเมืองนั้น เชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มตัวเลือกทางการเมืองให้คนของพรรคสามารถเข้าไปแก้ปัญหาให้ประเทศได้ ส่วนอดีต สมาชิกของพรรคชาติไทยพัฒนาที่ลาออกนั้น ตนไม่มีพลังที่จะไปห้ามใครได้ เพราะเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล"
ส่วนการส่งสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จะส่งผู้แทนลงสมัครครบ 350 เขตหรือไม่นั้น ต้องรอการพิจารณาของแกนนำก่อน เบื้องต้นตั้งใจจะส่งผู้สมัครให้มากที่สุด ขณะที่การส่งบัญชีบุคคลที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ต้องรอพิจารณากับแกนนำพรรคเช่นกัน
"การทำงานของพรรคชาติไทยหลังจากนี้ คือ การเน้นแก้ปัญหาปากท้อง เพราะเศรษฐกิจยังไม่สู้ดี รวมถึงการแก้ปัญหาให้กับสังคม นอกจากนั้นในประเด็นการแก้ไขความขัดแย้ง พรรคยึดคำของนายบรรหาร มาใช้ ทั้งการก้าวข้ามความขัดแย้ง ร่วมแรงปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งจะใช้เป็นสโลแกนกับพรรค เพื่อใช้เป็นการหาเสียงเลือกตั้ง" น.ส.กัญจนา กล่าว