พล.ท. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย. 2561 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมที่เกี่ยวข้อง 14 การประชุม และกิจกรรมอื่น ๆ อีก 2 รายการ โดยมีประเทศที่เข้าร่วมการประชุม ได้แก่ สมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ประเทศคู่เจรจาของอาเซียน 8 ประเทศ รวมถึงแคนาดา ชิลี และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งได้รับเชิญเข้าร่วมในฐานะแขกของประธาน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังจะได้หารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศที่เข้าร่วมการประชุม ร่วมการประชุมผู้นำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ครั้งที่ 2 และพบปะกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council)
ในการประชุมนายกรัฐมนตรีจะกล่าวถ้อยแถลงแสดงวิสัยทัศน์ และผลักดันประเด็นต่างๆ เพื่อวางรากฐานสำหรับการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยในปี 62 โดยมีประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ ผลักดันความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคง การต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการบริหารจัดการภัยพิบัติ การขับเคลื่อนบูรณาการทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการลดอุปสรรคทางการค้า การเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันภายในภูมิภาค และการเร่งรัดการเจรจา RCEP ให้แล้วเสร็จ การสร้างความเกื้อกูลและความเชื่อมโยงต่างๆ และนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมต่อประชาชน รวมถึงการเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์กับประเทศคู่เจรจาและภาคีภายนอก
นอกจากนี้ จะมีการรับรองเอกสารผลลัพธ์ในการประชุมฯ ครั้งนี้ จำนวน 7 ฉบับ ได้แก่
1. ร่างปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติว่าด้วยความช่วยเหลือทางกงสุลโดยคณะทูตของรัฐสมาชิกอาเซียนในประเทศที่สามแก่คนชาติของรัฐสมาชิกอาเซียนอื่นๆ (Declaration on the Guidelines on Consular Assistance by ASEAN Member States’ Missions in Third Countries to Nationals of other ASEAN Member States)
2. ร่างเอกสารกรอบการดำเนินงานเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน (ASEAN Smart Cities Framework)
3. ร่างแผนแม่บทอาเซียน พ.ศ. 2568: เพื่อบูรณาการสิทธิคนพิการ (ASEAN Enabling Masterplan 2025: Mainstreaming the Rights of Persons with Disabilities)
4. ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการรับรองวันเยาวชนอาเซียนเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ (ASEAN Declaration on the Adoption of the ASEAN Youth in Climate Action and Disaster Resilience Day)
5. ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการเจริญเติบโตอย่างเท่าเทียมและทุกคนมีส่วนร่วมของประชาคมอาเซียน (ASEAN Declaration on Promoting Green Jobs for Equity and Inclusive Growth of ASEAN Community)
6. ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๔ ASEAN Joint Statement on Climate Change to the 24th Conference of the Parties (COP 24) to the United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC)
7. ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 14 ASEAN Joint Statement to the Fourteenth Meeting of the Conference of the Parties to the Convention on Biological Diversity (CBD COP 14)
ในช่วงพิธีปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 นายกรัฐมนตรีจะรับมอบตำแหน่งประธานอาเซียนจากสิงคโปร์ และจะมีการฉายวีดิทัศน์รับตำแหน่งของไทย รวมถึงการประกาศแนวคิดหลักและตราสัญลักษณ์ของการเป็นประธานอาเซียนของไทย ทั้งนี้ ตามกฎบัตรอาเซียน ไทยจะเป็นประธานอาเซียนอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.62