นายกฯ นัดหารือพรรคการเมือง 7 ธ.ค. เดินหน้าสู่โรดแมพเลือกตั้ง, ยังไม่ปรับครม.หาก 4 รัฐมนตรีลาออก

ข่าวการเมือง Friday November 23, 2018 13:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ธ.คนี้ จะมีการหารือระหว่าง คสช.กับพรรคการเมืองที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี ซึ่งการหารือก็จะรับฟังข้อเสนอจากพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งในส่วนรัฐบาลยืนยันว่าไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ และเข้าใจดี

ทั้งนี้ เคยชี้แจงไปแล้วว่า เมื่อกฎหมายต่างๆ มีความพร้อมก็จะมีการปลด และคลายล็อคตามความเหมาะสม อยู่บนหลักที่ให้บ้านเมืองปลอดภัย โดยจะมีการร่างระเบียบให้เกิดความปลอดภัยอย่างเร็วที่สุด

ส่วนกำหนดวันเลือกตั้ง ก็ยังคงยืนยันว่าอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ยังไม่ได้เลื่อนออกไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณา ซึ่งตนเองไม่มีส่วนตัดสินในเรื่องนี้ สำหรับพรรคเล็กที่เรียกร้องให้เลื่อนเลือกตั้ง ก็เห็นตามข่าวเท่านั้น

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมงานทางการเมืองกับกลุ่มใดหรือไม่ รวมถึงยังไม่ขอตอบว่าจะเป็นสมาชิกพรรคใดทั้งสิ้น เพราะขณะนี้ยังพิจารณานโยบายของแต่ละพรรคอยู่ซึ่งยังไม่ครบถ้วน และต้องดูข้อกฎหมายด้วยว่าหากนายกรัฐมนตรีจะเล่นการเมืองต้องอยู่ในจุดไหนและทำอย่างไรได้บ้าง โดยต้องมีการปรึกษาฝ่ายกฎหมายด้วยว่าสิ่งไหนทำได้บ้าง

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากทั้ง 4 รัฐมนตรีที่ไปร่วมงานพรรคพลังประชารัฐลาออกไปก็ยังจะไม่มีการปรับ ครม. เพราะ ครม.ที่เหลืออยู่สามารถปฎิบัติหน้าที่แทนในตำแหน่งที่ว่างได้

พร้อมกันนี้ ยังพร้อมให้ กกต.ตรวจสอบการอนุมัติงบประมาณโครงการดูแลผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และงบช่วยเหลือเกษตร และยืนยันว่า การออกมาตรการทุกด้าน รัฐบาลได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายและพิจารณากฎหมายทุกตัวที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้ง พ.ร.บ.การเงินการคลัง พ.ร.บ.การใช้จ่ายงบประมาณ

นอกจากนี้ บางมาตรการเป็นการดำเนินการตามห้วงเวลาไม่ใช่ใช้กรอบงบประมาณเดิมทั้งหมด และที่ผ่านมาอาจจะมองเพียงเรื่องช่วยเหลือความเดือดร้อน แต่มาตรการที่ออกมา จะมีการดูแลด้านอื่น เช่นภาคการเกษตร เป็นการใช้งบประมาณเพื่อสร้างความเข้มแข็ง การรวมกลุ่ม การลดพื้นที่เพาะปลูก การสนับสนุนเปลี่ยนอาชีพ จึงขออย่ามองว่ารัฐบาลหาคะแนนเสียง เพราะทั้งหมดนี้รัฐบาลพยายามทำมาอย่างต่อเนื่อง เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีการดำเนินการ ในระยะที่หนึ่ง สอง สาม เป็นต้น และเห็นว่าคงไม่มีรัฐบาลใดที่ผ่านมา จะสามารถดูแลคนได้มาถึง 10 ล้านคน และเป็นการแก้ปัญหาที่แบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ดังนั้นจึงอยากให้ย้อนไปดูมาตการอื่นๆที่มาก่อนหน้านี้ด้วย อย่ามองเป็นความขัดแย้ง ว่ากลุ่มนี้ได้กลุ่มนี้ไม่ได้

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ได้เป็นการแบ่งชนชั้น แต่เป็นการดูแลรายได้ของประชาชนเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลมีข้อมูลในระบบบิ๊กดาต้าอยู่แล้ว รัฐบาลจึงเข้าไปสนับสนุนในส่วนที่จำเป็น ในส่วนของผู้สูงอายุ เชื่อว่า ทุกคนมีพ่อแม่ หรือผู้สูงอายุในครอบครัวที่ต้องดูแล ดังนั้นการดูแลผู้สูงอายุที่มีรายได้ ก็จะเป็นการลดภาระของผู้มีรายได้น้อยลงไปด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ